svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ภูมิภาค

เชียงใหม่รอไฟเขียวฉีดวัคซีนสลับชนิดหลังมีคำสั่งให้ทบทวน

14 กรกฎาคม 2564
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

เชียงใหม่ – รองนพ.สาธารสุขจังหวัดเชียงใหม่ คาดผลประชุมทบทวนฉีดวัคซีนสลับชนิดของคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติจะให้ดำเนินการต่อ เหตุมีการศึกษาข้อมูลว่าสามารถทำได้ เชียงใหม่พร้อมดำเนินการทันที เตรียมพร้อมบริหารวัคซีนให้ผู้จองผ่านก๋ำแปงเวียง

             วันที่ 14 กรกฎาคม 2564 นายแพทย์วรัญญู จำนงประสาทพร รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า จากกรณีที่ทางครม. มีมติให้ทบทวนฉีดวัคซีนสลับชนิดกันนั้น ขณะนี้ทางคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ กำลังประชุมเพื่อทบทวนอีกครั้ง โดยเชื่อว่าจะให้ดำเนินการได้ตามเดิม เนื่องจากตามที่องค์การอนามัยโลก ออกมาแจ้งเตือนนั้นมีความเป็นห่วงที่ประชาชนจะตัดสินใจด้วยตัวเองนำวัคซีนต่างยี่ห้อมาฉีด แต่วัคซีนที่ประเทศไทยจะนำมาฉีดให้ประชาชนได้มีการศึกษาข้อมูลแล้วว่าสามารถทำได้ และอยู่ในความดูแลของแพทย์ โดยทางจังหวัดเชียงใหม่มีความพร้อมที่จะดำเนินการได้ทันที หากมีข้อสรุปออกมาจากคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ เชียงใหม่รอไฟเขียวฉีดวัคซีนสลับชนิดหลังมีคำสั่งให้ทบทวน

   

               ในส่วนของการฉีดวัคซีนสำหรับประชาชนทั่วไปในจังหวัดเชียงใหม่ มีจำนวนผู้ประสงค์ฉีดวันซีน แล้ว 802,027 คน และได้ฉีดวัคซีนไปแล้ว 189,346 คน ทั้งนี้   ทางจังหวัดเชียงใหม่ได้มีการบริหารจัดการวัคซีนที่มีอยู่อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยจังหวัดเชียงใหม่ได้รับการจัดสรรจากส่วนกลางมาเป็นรายสัปดาห์ ซึ่งขณะนี้จังหวัดเชียงใหม่มีวัคซีนที่สามารถฉีดให้กับผู้ที่ลงทะเบียนผ่านระบบหมอพร้อมได้จนถึงวันอาทิตย์นี้ เป็นวัคซีนซิโนแวคประมาณ 30,000 โดส และ วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า 12,000 โดส หากจังหวัดเชียงใหม่ได้รับจัดสรรวัคซีนจากส่วนกลางมาเพิ่มมากพอในช่วงปลายสัปดาห์นี้ จะเริ่มบริหารจัดการวัคซีนให้กับผู้ที่ลงทะเบียนในเว็บไซด์ก๋ำแปงเวียง และองค์กรต่างๆ ที่ส่งรายชื่อเข้ามาที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่

         สำหรับการฉีดวัคซีนสลับชนิดกัน จะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้าได้ร่างกายจะสร้างภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสให้อยู่ในระดับที่สูงได้เร็วมากขึ้น ใกล้เคียงกับผู้ที่ได้รับวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า 2 เข็ม แต่ใช้ระยะเวลาสั้นกว่าภายในเวลา 3 สัปดาห์ ส่วนในกรณีผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 เป็นวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าแล้วให้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 เป็นวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าเช่นเดียวกัน โดยมีระยะห่างระหว่างเข็ม 1ประมาณ 2 สัปดาห์

เชียงใหม่รอไฟเขียวฉีดวัคซีนสลับชนิดหลังมีคำสั่งให้ทบทวน

         ส่วนการฉีดวัคซีนกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ให้บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้าที่ดูแลผู้ป่วยโควิด-19 ให้ฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 ห่างจากเข็มสอง 3-4 สัปดาห์ โดยจะดำเนินการสอบถามความประสงค์ของบุคลากรทางการแพทย์ ว่าต้องการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นเป็นวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าหรือวัคซีนไฟเซอร์ เพื่อกระตุ้นให้เกิดภูมิคุ้มกันสูงและเร็วที่สุดแก่บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้าที่เสี่ยงต่อการสัมผัสเชื้อโควิด-19 จากการปฏิบัติงานประจำในการดูแลผู้ป่วย และป้องกันการป่วยและเสียชีวิตของบุคลากรทางการแพทย์

logoline