svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

สสส. เปิด “นครพนมโมเดล” จัด อสม. ดันชุมชนสู่ภาวะ “เบาหวานหายได้”

สสส. - ภาคีภาคอีสาน เปิดพื้นที่ “นครพนมโมเดล” ต้นแบบระบบสุขภาพจากฐานราก ขับเคลื่อน อสม.เป็นกลไกหลัก ดันชุมชนสู่ภาวะ “เบาหวานหายได้” บูรณาการภาคีท้องถิ่น - บริการสุขภาพ หนุนระบบดูแลสุขภาพปฐมภูมิ หากทุกภาคส่วนร่วมมือพัฒนาโมเดลสุขภาพที่ยั่งยืนบนฐานพลังชุมชน

KEY

POINTS

  • สสส. เปิดตัว "นครพนมโมเดล" เพื่อพิสูจน์ว่าโรคเบาหวานสามารถเข้าสู่ภาวะสงบ (หายได้) ผ่านการทำงานร่วมกันของชุมชน
  • โครงการมุ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ให้เป็นแกนหลักในการป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs)
  • มีการนำเสนอนวัตกรรมจาก อสม. ดีเด่นในพื้นที่ เช่น แนวทาง "สายรู้ สายลับ" เพื่อเฝ้าระวังสินค้าสุขภาพ และ "ยุทธศาสตร์ 5-5-5" เพื่อส่งเสริมพฤติกรรมสุขภาพ
  • พื้นที่นำร่องใน อ.โพนสวรรค์ และ ต.นางัว จ.นครพนม ประสบความสำเร็จในการสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพและควบคุมโรคเบาหวานในชุมชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) นำคณะสื่อมวลชนลงพื้นที่ศึกษาดูงานและแลกเปลี่ยนเรียนรู้การดำเนินงานของคณะกรรมการบริหารแผนคณะที่ 7 ลงพื้นที่ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านนางัว อ.บ้านแพง เพื่อศึกษาดูงานโครงการสนับสนุนการพัฒนาศักยภาพอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ร่วมกับ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล(รพ.สต.) และ ที่ โรงพยาบาลโพนสวรรค์ ต.โพนสวรรค์ อ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ผลสำเร็จ การบริหารจัดการในชุมชนด้านการป้องกันแก้ไขปัญหาโรคไม่ติดต่อ (NCDs) โดยเฉพาะโรคเบาหวาน

 

รศ.นพ.สรนิต ศิลธรรม กรรมการกองทุน สสส. และประธานกรรมการบริหารแผนคณะที่ 7 สสส. กล่าวว่า โรคเบาหวานชนิดที่ 2 คือโรคเรื้อรังที่เกิดจากภาวะ ดื้ออินซูลิน และผลิตอินซูลินไม่เพียงพอ ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงต่อเนื่อง โดยมี ความอ้วน เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญ ข้อมูลปี 2563 พบความชุกของโรคเพิ่มขึ้นเป็น 9.5% และอาจสูงถึง 11% หากใช้เกณฑ์ระดับน้ำตาลเฉลี่ยย้อนหลัง ขณะที่ผู้ป่วยเพียง 26.3% สามารถควบคุมระดับน้ำตาลได้ตามเป้า นำไปสู่ภาวะแทรกซ้อน เช่น ตาบอด ไตวาย และโรคหัวใจ

รศ.นพ.สรนิต ศิลธรรม กรรมการกองทุน สสส. ยังย้ำว่า การลงพื้นที่ของ สสส. ไม่ใช่แค่การเยี่ยมชม แต่เป็นการพิสูจน์ว่า “เบาหวานหายได้” ไม่ใช่เพียงแนวคิด หากเกิดขึ้นได้จริง เมื่อมีระบบที่ทำงานร่วมกันจากทุกภาคส่วน บนฐานของความเข้าใจและการมีส่วนร่วมของชุมชนอย่างแท้จริง

 

นพ.วิพุธ พูลเจริญ เลขาธิการมูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนานโยบาย กล่าวว่า โครงการ “สาธารณสุขมูลฐานเขตเมือง แนวรุกสู่การป้องกันและสงบเบาหวาน” เป็นการต่อยอดจากระบบบริการสุขภาพสร้างเสริมช่วงโควิด-19 โดยเน้น การป้องกันผู้ป่วยเบาหวานรายใหม่ และ สนับสนุนให้ผู้ป่วยเข้าสู่ภาวะสงบ (DM Remission) ผ่านแนวทาง “Personalized & Precision Primary Health Care” ที่เน้นการร่วมจัดการระหว่างหน่วยบริการและชุมชน พื้นที่นำร่อง อ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม โดยเริ่มดำเนินการใน ชุมชนบ้านเสาเล้า ซึ่งมีความเข้มแข็งของเครือญาติชาติพันธุ์ไทญ้อ (ไท-ย้อ) เป็นทุนทางสังคมที่สำคัญ

 

นายวิฑูรย์ แก้วแก่น อสม.ดีเด่นระดับชาติ ปี 2562 ตำบลไผ่ล้อม พัฒนาแนวทาง “สายรู้ สายลับ” แบ่งเครือข่ายออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ “สายรู้” ให้ความรู้เรื่องภัยสุขภาพแก่ชุมชน โดยใช้กลุ่มนักเรียน กลุ่มวัฒนธรรม และรถโมบายสุขภาพ

 

“สายลับ” คือประชาชนทั่วไป ทำหน้าที่สุ่มตรวจสินค้าสุขภาพในร้านค้า รถเร่ และชุมชน หากพบสินค้าไม่ปลอดภัยจะประสานให้หยุดจำหน่ายภายใน 1 สัปดาห์

ขณะที่ นางปรางทิพย์ ผาลี อสม.ดีเด่นระดับชาติ ปี 2567 ตำบลนางัว ขับเคลื่อน “ยุทธศาสตร์ 5-5-5 พิชิตโรคไม่ติดต่อ” โดยมี 5 พันธมิตรในชุมชนร่วมดำเนินงาน เช่น อบต., รพ.สต., วัด และ อสม. รวมถึงจัดตั้ง “ศูนย์เรียนรู้ 3อ. 2ส.” เพื่อส่งเสริมพฤติกรรมสุขภาพ และใช้แอป Thai CV Risk Score คัดกรองกลุ่มเสี่ยงรายบุคคล 

 

การดำเนินงานทั้ง 2 พื้นที่ ส่งผลให้ชุมชนมีความรู้เท่าทันภัยสุขภาพ เลือกใช้บริการอย่างปลอดภัย และสามารถควบคุมโรคไม่ติดต่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมต่อยอดขยายผลครอบคลุมทั้งตำบลและเชื่อมโยงกับเครือข่ายบริการสาธารณสุขในพื้นที่