
มติ 6:3 ของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ชี้ว่านายกฯ1คนที่31พ้นเก้าอี้เมื่อ 29 สิงหาคม ที่ผ่านมาจนเกิดการเปลี่ยนเเปลงทางการเมืองหลากวาระ เเละมีคำถามตามมาว่า "แพทองธาร" จะหลุดเก้าอี้ทางการเมืองคือ "หัวหน้าพรรค" สีเเดงพ่วงด้วยหรือไม่..
ล่าสุด มีคำอธิบายให้ชวนคิดต่อ จากนายแสวง บุญมี เลขาธิการสำนักงานคณะคณะกรรมการการเลือกตั้ง กล่าวถึงคุณสมบัติ"แพทองธาร ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรีเเละหัวหน้าพรรคเพื่อไทย หลังถูกศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง จะพ่วงมาถึงความเป็น "หัวหน้าพรรคเพื่อไทย" ด้วยหรือไม่
"ผมยังไม่เห็นคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญฉบับเต็ม แต่ตำแหน่งหัวหน้าพรรค เป็นกรรมการบริหารพรรค และต้องเป็นสมาชิกพรรคซึ่งสิ่งที่จะทำให้พ้นจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคนั้น มีอยู่สองเรื่อง ประกอบด้วย การพ้นเพราะคณะกรรมการจริยธรรมพรรคขับออกจากตำแหน่ง แต่ยังสามารถเป็นสมาชิกพรรคได้ และการพ้นจากการเป็นสมาชิกพรรค ซึ่งหากจะพ้นจากสมาชิกพรรค ก็จะต้องต้องคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองวินิจฉัยว่าให้พ้น " เลขาธิการ กกต. กล่าว
นายแสวง บอกต่อไปอีกว่า "แต่เมื่อเป็นคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ จึงถือว่ายังไม่เข้าเกณฑ์ เพราะต้องเป็นคำพิพากษาของศาลฎีกาฯ ไม่ใช่คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ และตราบใดที่เรื่องจริยธรรมไม่ไปทางช่องทางศาลฎีกาฯ หรือคณะกรรมการบริหารพรรคยังไม่ขาด ก็ยังไม่เกิดผลอะไร"
เลขาธิการ กกต. ยังชี้แจงอีกว่า ในการพ้นจากกรรมการบริหารพรรคนั้น ก็เป็นเรื่องความรู้สึกคนอาจคิดว่า พ้นเพราะขาดคุณสมบัติได้ แต่กฎหมายมีขั้นตอน และวิธีปฏิบัติ ซึ่งก็เป็นเรื่องของคณะกรรมการบริหารพรรค ที่จะต้องพิจารณาว่า จะมีมติให้พ้นหรือไม่ ซึ่งกกต.ไม่สามารถก้าวก่ายกรรมการบริหารพรรคได้
ส่วนในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมืองจะต้องเข้าไปดูในเรื่องข้อบังคับของพรรคหรือไม่นั้น เลขาธิการ กกต. ย้ำว่า กกต.ดูเพียงข้อบังคับพรรค แต่กิจกรรมของพรรคการเมืองนั้น ให้พรรคเป็นผู้ดำเนินการ นายทะเบียนจะพิจารณาแค่ว่า พรรคได้ดำเนินการตามกฏหมาย หรือข้อบังคับพรรคหรือไม่ และยืนยันว่า การพ้นจากสมาชิก หรือกรรมการบริหารพรรค เป็นเรื่องภายในของพรรค หากไม่ดำเนินตามกฏหมาย ก็จะมีสมาชิกพรรคมาร้องเรียนเอง
สอดรับกับเเกนนำพรรคสีเเดงที่ย้ำหลายครั้งว่ายังไม่มีการเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรคเเละเธอยังมีสิทธิลงสมัคร สส.ได้...
เเต่อย่าลืมว่าหลัง 36 สว. ยื่นสอบ แพทองธาร ต่อศาลรัฐธรรมนูญในช่วงไม่กี่เดือนก่อน ตอนนั้นพบว่า
สองคำร้องนี้ หากมีการไต่สวน/ชี้มูล จะยื่นไปที่ศาลฎีกาฯ อย่างไรก็ตาม ขั้นตอนนี้ กว่าจะรู้ผลว่าคุณแพทองธาร. ผิด/ถูก ใช้เวลาพอสมควร
ดังนั้น คนในค่ายสีเเดงจึงยังชู "แพทองธาร" เป็นเบอร์ 1 ของพรรค
เเต่ความจริงนั้น พรรคสีเเดงไม่อยากเปลี่ยนเเม่ทัพกลางศึก(เเม้บิ๊กเนมในค่ายสีเเดงปลุกเร้าสังคมไปเเล้วว่าเคสชั้น 14 รพ.ตำรวจนั้น ทักษิณ ชินวัตร คือ ฮีโร่ประชาธิปไตยที่กล้าหาญเเละยอมรับการติดคุก1ปีในเรือนจำเเล้ว) เพราะ
1.หากเปลี่ยนหัวหน้าพรรคตอนนี้ เเปลว่ายอมรับว่า "แพทองธาร" ผิดจริง เเม้จะมีความเสี่ยงหาก "แพทองธาร" ลงนามในคำสั่งของพรรคที่ขั้วตรงข้ามหยิบมาร้องเรียนเเน่ เเต่หากศาลยังไม่ตัดสิน "แพทองธาร" คือผู้บริสุทธิ์ทางกฎหมายเเละยังคงสิทธิทางการเมืองหลายด้านอยู่ เว้นเเต่ดำรงตำเเหน่งทางการเมือง(ด้านบริหาร)ไม่ได้ตลอดชีพ
2.หาก "แพทองธาร" ยังยืนตำเเหน่งเดิมในวันนี้/พรุ่งนี้ นัยว่า "แพทองธาร" ทำหน้าที่เบอร์1ของพรรคเพื่อกุมสภาพสส.ที่ยังเชื่อในเเบรนด์พรรคสีเเดง บนทำนองวัดใจใครอยู่/ใครไป/ใครเลือดเเท้/ใครงูเห่า เเละ "แพทองธาร" น่าจะลงสมัคร สส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 1 ของค่ายสีเเดง เพื่อนำทัพต่อไปเเละตอนนี้พรรคสีเเดงกำลังบอกสังคมว่าหน้าที่พรรคฝ่ายค้านนั้น พรรคสีเเดงตรวจสอบเต็มที่ในทุก กรณีเเละรอดูบิ๊กสตอรี่ชิ้นใหม่ที่พรรคสีเเดฃจะเขย่าขวัญบางพรรคในเร็วๆนี้...เเละจะเกิดผลกระทบเช่นใดบ้าง ต้องติดตาม
เนชั่นทีวี ได้รับข้อมูลมาว่า. แกนนำพรรคหารือทีมกม.นอกพรรค เตรียมชงสามคำร้องเดือด ถึงขั้นชี้ชะตา นายกฯคนใหม่ อนุทิน ชาญวีรกูล รวมไปถึง พรรคภูมิใจไทยและ พรรคประชาชน ให้จับตาในสัปดาห์ที่จะถึงนี้( วันอังคารที่ 16 ก.ย. )
3. ยังไม่สมควรเปลี่ยนหัวหน้าพรรคในตอนนี้เเม้เเนวคิดนี้ถูกบางฝ่ายในพรรคปัดฝุ่นมาเเล้วเพื่อรีเเบรนด์พรรค เเละพยายามทาบทามคนนอกชินวัตรเเฟมิลี่มาทำหน้าที่หัวหน้าพรรคคนใหม่ เเต่เเนวคิดนี้ยังไม่จุติเพราะบิ๊กเนมหลายคนไม่เสี่ยงเอาเครดิตตัวเองมาพัวพันพรรคสีเเดงเเละกระเเสนิยมพรรคที่ร่วงเเบบนี้ มือดี/ประวัติดี เพียงใดก็ยากที่จะกู้พรรคสีเเดงกลับมายืนในตำเเหน่งพรรคอันดับ 1-3 ที่พอจะเป็นเเกนนำตั้งรัฐบาลใหม่ได้ ดังนั้น "แพทองธาร" จึงยังคงยืนเด่นนำพรรคเพื่อไทยต่อไป
4."แพทองธาร" จะลงพื้นที่ช่วยลูกพรรคหาเสียงอย่างไร..เมื่อใด เเละขวัญกำลังใจเธอกลับมาเข้มเเข็งเพียงพอทีาจะออกจากเซฟโซนเพื่อออกไปพบมวลชนเเล้วหรือ!?!เพราะคำถามมากมายจะยิงตรงไปที่ "แพทองธาร" เเบบไร้สภาวะการควบคุม
5.ผลงาน/นโยบายของพรรคเเละครม."เพื่อไทย"ในยามนี้มีอะไรโดดเด่นโดนใจชาวบ้านบ้าง เเละเเคมเปญใหม่ที่จะมอบว่าที่ผู้สมัครสส.400คนไปใช้เเนะนำตัวนั้นคืออะไร...เพราะเเว่วว่า ในวาระนี้ยังสูญญากาศ!?!
5 วาระนี้ท้าทายเเพทองธารเเละพรรคสีเเดงยิ่งนัก เพราะคะเเนน นิยม 10,962,522 คะแนนเมื่อปี 2566 นั้น "แพทองธาร" จะประคอง/เติมตัวเลขให้ขยับขึ้นเพียงใดไม่ให้ร่วงถอยไปมากกว่านี้..
น่าคิดเเละติดตามจังหวะต่อไป