svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"ครม.ศก." เคาะหลักการ ลดภาระหนี้ประชาชน ผู้มียอดไม่เกิน 1 แสนบาท "ลดภาระผ่อนชำระ-ปิดหนี้"

"ครม.ศก." เคาะหลักการ ลดภาระหนี้ประชาชน ผู้มียอดไม่เกิน 1 แสนบาท ต่อราย เข้ามาตรการรวมศูนย์ลดภาระผ่อนชำระ-ปิดหนี้ คนไทยหายใจได้คล่องขึ้น

3 พฤศจิกายน 2568 นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจว่า วันนี้ที่ประชุมมีมติเห็นชอบในหลักการ การลดภาระหนี้ประชาชน วันนี้ได้รับความร่วมมือจากกระทรวงการคลัง , ธนาคารแห่งประเทศไทย , สมาคมธนาคารไทย ซึ่งร่วมกันทำงานอย่างใกล้ชิดมาตลอด

"ครม.ศก." เคาะหลักการ ลดภาระหนี้ประชาชน ผู้มียอดไม่เกิน 1 แสนบาท "ลดภาระผ่อนชำระ-ปิดหนี้"

 

 

โดยมีการตั้งโจทย์ว่าจะทำอย่างไรให้ผู้ที่เป็นหนี้รายย่อยและไม่มีหลักประกันตั้งแต่อดีตจนถึงวันที่ 31 กันยายน 2568 ที่มีหนี้ไม่เกิน 100,000 บาท/ราย ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 4.76 ล้านบัญชี

โดยบุคคลเหล่านี้เป็นคนจำนวนมากมีภาระหนี้ที่หนักผ่อนชำระไม่ไหว และอาจมีเจ้าหนี้หลายราย ขาดสภาพคล่องและขอสินเชื่อเพิ่มเติมไม่ได้

 

 

 

รัฐบาลจึงช่วยเหลือโดยมีแนวทางขายหนี้และโอนหนี้ทั้งหลายมาอยู่ในสถาบันสินเชื่อเพื่อธุรกิจหลักทรัพย์ หรือ (Securities Finance Corporation : SFC) เพื่อปรับโครงสร้างหนี้แบบผ่อนปรน เช่น

การลดภาระการผ่อนชำระ หรือการปิดหนี้ และนำมาบริหารจัดการแบบรวมศูนย์ จากที่ถูกทวงหนี้หลายสถาบันการเงินมารวมศูนย์ไว้

โดยกลุ่มที่ได้รับพิจารณามีอยู่ 4.76 บัญชี แบ่งเป็นกลุ่มที่เป็นลูกหนี้ธนาคารพาณิชย์ และบริษัทลูกของธนาคารพาณิชย์ที่เป็น Non-bank ส่วนนี้จะโอนไปที่ บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (SAM) ซึ่งเป็น AMC ภายใต้การกำกับของรัฐ

และอีกหนึ่งกลุ่มคือกลุ่มสถาบันการเงินเฉพาะกิจพวกกลุ่ม SFI ซึ่งเมื่อรวมกันทั้งธนาคารพาณิชย์และบริษัทลูกและ SFI รวมกันทั้งหมดประมาณ 2.4 ล้าน บัญชี ยอดหนี้ประมาณ 60,000 กว่าล้านบาท

 

นายเอกนิติ กล่าวต่อว่า ทั้งหมดนี้เพื่อจะทำให้ลูกหนี้ คนไทยหายใจได้คล่องขึ้น เพราะจะพิจารณาการผ่อนชำระและปิดจบได้เร็ว ซึ่งเป็นโอกาสที่สำคัญตามนโยบาย “ควิกบิ๊กวิน” กระตุ้นสั้นได้ผลยาว กระจายตัว ทำให้ผู้ที่ต้องการกลับมาเป็นคนดี มีวินัยในการผ่อนกลับเข้ามามีโอกาสเข้าถึงสินเชื่อได้

 

โดยวันนี้ได้อนุมัติในหลักการแล้ว หลังจากนี้ผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทยจะไปลงในรายละเอียด กับธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงิน เพื่อทำเอ็มโอยู ลงรายละเอียดร่วมกัน ซึ่งถือเป็นหนึ่งในโครงการเรือธงสำคัญที่จะทำให้หนี้ในครัวเรือนประเทศไทยกลับมาดีขึ้น

ย้ำว่าไม่ได้เป็นภาระของงบประมาณ เพราะส่วนหนึ่งจะนำเงินคงเหลือจาก กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF) ประมาณ 26,000 ล้านบาท มาซื้อหนี้ และเชื่อว่าวิธีนี้จะเป็นการแก้ปัญหาหนี้อย่างยั่งยืน