''อภิสิทธิ์'' นำถก กก.บห.สู้เลือกตั้ง ยอมรับมี สส.จ่อเท ปชป.

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยผลการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์นัดแรกว่า ได้มีการพูดคุยถึงการกำหนดนโยบาย ซึ่งนายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคฯ จะเป็นผู้รับผิดชอบนโยบาย เพราะการเตรียมการของคณะกรรมการบริหารชุดนี้ มีเวลาน้อย และจะต้องสร้างความหวังให้กับประชาชน แต่การดำเนินการอย่างเป็นทางการนั้น จะต้องรอให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.รับรองผลการเลือกกรรมการบริหารพรรคฯ ของพรรคฯ ก่อน พร้อมเห็นว่า นโยบายหลักของพรรคฯ ที่จะเกิดขึ้นทั้งการผลักดันเศรษฐกิจสีเขียว เศรษฐกิจดิจิทัล ฯลฯ นั้น จะเกิดขึ้นไม่ได้ หากเศรษฐกิจยังติดหล่ม หรือยังมีปัญหา และเศรษฐกิจจะโตไม่ได้ ถ้าไม่เพิ่มทักษะให้ประชาชน รวมถึงยังมีมิติอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ ทั้งการเมือง การศึกษา และสิ่งแวดล้อม 

ส่วนการเตรียมการผู้สมัครรับเลือกตั้งนั้น นายอภิสิทธิ์ ยอมรับว่า ระยะเวลาที่ผ่านมาก่อนที่ตนจะมาดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคฯ 3 สัปดาห์ ตนได้พูดคุยกับบุคลากรของพรรคฯ และ สส.หลายคนที่มาสนับสนุนให้ตนดำรงตำแหน่ง ก็ยอมรับว่า อาจจะไม่ได้ร่วมงานกับพรรคประชาธิปัตย์ต่อ แต่พรรคประชาธิปัตย์ ก็จะพยายามให้ดีที่สุด และจะเริ่มตั้งต้นใหม่ รักษาบุคลากรเดิม และตนเองก็ยอมรับธรรมชาติของการเมือง เมื่อมีการเจรจากับพรรคการเมืองอื่น ๆ แล้ว ตนเองก็เข้าใจได้ และเห็นใจ แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคกับพรรค และพรรคฯ ก็จะยังคงเสนอทางเลือกให้ประชาชนดีที่สุด 

นายอภิสิทธิ์ ยังเห็นว่า ความไม่แน่นอนทางการเมือในขณะนี้สูง และยังต้องแข่งกับเวลา แต่พรรคฯ จะดำเนินการคัดสรรผู้สมัครตามกฎหมาย โดยในสัปดาห์หน้าคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครเลือกตั้ง จะมีการประชุมร่วมกัน เพื่อเลือกประธานคณะกรรมการสรรหาฯ และจะทำงานร่วมกับรองหัวหน้าพรรคประจำภาค และสาขาจังหวัดทันที 

ส่วนเป้าหมายการเลือกตั้งครั้งหน้านั้น นายอสิทธิ์ ระบุว่า ตนเองอยากให้ได้ สส.มากที่สุด และไม่ได้ตั้งเป้าพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งเป็นพิเศษ เนื่องจาก พรรคประชาธิปัตย์ เป็นพรรคฯ ของประชาชนทั้งประเทศ ซึ่งในการส่งผู้สมัครนั้น ก็จะต้องพิจารณาจากความเป็นจริง เพราะเวลามีจำกัด และจะต้องคำนึงถึงข้อจำกัด ที่มี สส.ของพรรคส่วนหนึ่ง เตรียมลาออกเพื่อไปร่วมงานกับพรรคการเมืองอื่นด้วย เพราะได้มีการเจรจาในรายละเอียดกันไปมากแล้ว ซึ่งตนก็เห็นใจและเคารพการตัดสินใจ 

ส่วนมี สส.คนใดที่ยืนยันจะยังร่วมงานกับพรรคประชาธิปัตย์ต่อหรือไม่นั้น นายอภิสิทธิ์ ระบุว่า ยังไม่มี แต่เชื่อว่า คงจะไม่ลาออกทั้งหมด 

นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงการเลือกตั้งในพื้นที่จังหวัดตรัง ที่นายสมชาย โล่สถาพรพิพิธ บิดาของนางสาวสุณัชชา โล่สถาพรพิพิธ สส.ตรัง ได้ยื่นคำขาดจะลาออก หากนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย อดีต สส.ตรัง ร่วมเป็นคณะกรรมการบริหารพรรคฯ ด้วยว่า ตนได้เจรจาไปแล้ว ทั้งตัว สส. และนายสาทิตย์ถึงปัญหาดังกล่าว ซึ่งตนทำได้ทำเพียงช่วยแก้ปัญหาสาเหตุ แต่จะไปด้วยกันได้หรือไม่นั้น ก็ต้องขึ้นกับการตัดสินใจ แต่ตนเองก็ต้องการรักษาทุกคน 

นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงทิศทางของพรรคหลังการเลือกตั้งหลังจากนี้ หลังจากที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์ เกิดการข้ามขั้วว่า ขอให้รอดูท่าที พฤติกรรม และจุดยืนของแต่ละพรรคการเมืองก่อน แต่ทั้งหมดตนเองยึดถืออุดมการณ์ และการตรวจสอบถ่วงดุล 

ขณะเดียวกัน ในวันนี้ (20 ต.ค.) นายอภิสิทธิ์ พร้อมด้วยคณะกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ชุดใหม่ เข้าสักการะพระแม่ธรณีบีบมวยผม ซึ่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และสัญลักษณ์ประจำพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อความเป็นสิริมงคล ในโอกาสการกลับเข้ารับตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมสักการะศาลพระภูมิเจ้าที่ประจำพรรคประชาธิปัตย์ ภายในที่ตั้งของพรรคประชาธิปัตย์ด้วย

โดยภายหลังการสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำพรรคประชาธิปัตย์เสร็จสิ้น นายอภิสิทธิ์ ได้นำคณะกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ชุดใหม่ทันที โดยเป็นการประชุมร่วมกันครั้งแรก ภายหลังที่ประชุมใหญ่พรรคประชาธิปัตย์มีมติเห็นชอบแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ เมื่อวันเสาร์ที่ 18 ตุลาคมที่ผ่านมา เพื่อเตรียมการการขับเคลื่อนพรรคประชาธิปัตย์ต่อไป

นายอภิสิทธิ์ เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ชุดใหม่ ในวันนี้ (20 ต.ค.) จะมีการหารือหลายเรื่อง โดนเฉพาะการกำหนดนโยบายของพรรคฯ สำหรับการเลือกตั้ง เนื่องจากมีเวลาจำกัดเพียง 4 เดือน รวมถึงจะมีการหารือเรื่องอื่น ๆ ด้วย 

นายอภิสิทธิ์ ยังเปิดเผยอีกว่า ในวันที่ 28 ตุลาคมนี้ เวลา 09.30 น. ตนได้เชิญนายสุวิทย์ เมษินทรีย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม, นายบรรยง พงษ์พานิช ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร (KKP) และนางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เพื่อมาให้ข้อมูล สะท้อน และรับทราบสถานะของประเทศไทยในปัจจุบัน