
20 ตุลาคม 2568 ผู้แทนจากรัฐสภาไทย ยังคงเดินสายล็อบบี้ทำความเข้าใจ ทั้งในรูปแบบทวิภาคี และในรูปแบบของการประชุมกลุ่มย่อยต่างๆ เพื่อให้ชาติสมาชิกสหภาพรัฐสภา หรือ IPU ช่วยผลักดันข้อมติว่าด้วยการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมไซเบอร์ข้ามพรมแดน หรือ “สแกมเมอร์” ซึ่งไทยเตรียมเสนอ ได้รับการบรรจุเป็น ”วาระเร่งด่วน“ หรือ Emergency item ในที่ประชุมใหญ่สมัชชาสหภาพรัฐสภา ครั้งที่ 151 ในวันอังคารที่ 21 ตุลาคมที่จะถึงนี้ ตามเวลาท้องถิ่น ณ กรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
โดยในการประชุมนอกรอบเพื่อประสานงานกันของ สมัชชารัฐสภาเอเชีย หรือ APA (Asian Parliamentary Assembly) ช่วงบ่ายของวันอาทิตย์ที่ 19 ตุลาคม สส.รังสิมันต์ โรม จากพรรคประชาชน ในฐานะผู้แทนจากรัฐสภาไทย ได้นำเสนอรายละเอียดของร่างข้อมติว่าด้วยการจัดการอาชญากรรมไซเบอร์ข้ามพรมแดน พร้อมเหตุผลประกอบ เพื่อทำความเข้าใจต่อที่ประชุม APA
สส.รังสิมันต์ เน้นย้ำว่า อาชญากรรมไซเบอร์ข้ามพรมแดนไม่ใช่ปัญหาเฉพาะเรื่องการบังคับใช้กฎหมายอีกต่อไป เพราะสถานการณ์ได้ลุกลามในวงกว้าง และเป็นต้นเหตุของการเกิดอาชญากรรมร้ายแรงอื่นๆ มากมายที่เข้าข่ายละเมิดทั้งสิทธิมนุษยชนและมนุษยธรรม ซึ่งไทยเห็นว่ารัฐสภาทั่วโลกต้องมีส่วนในการจัดการปัญหาร่วมกัน
สส.รังสิมันต์ ยังยกตัวอย่างปฏิบัติการยึดบิทคอยน์ มูลค่ากว่า 15,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือคิดเป็นเงินไทยเกือบๆ 5 แสนล้านบาท ซึ่งถือเป็นการยึดทรัพย์มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ของสหรัฐอเมริกา เพื่อสะท้อนความรุนแรงของปัญหานี้
ทั้งยังได้นำเสนอคาดการณ์ความเสียหายเฉพาะผู้ได้รับผลกระทบในภูมิภาคเอเชีย ไม่ต่ำกว่า 50 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปีเลยทีเดียว
สส.จากรัฐสภาไทยยังให้ข้อมูลด้วย ว่า องค์กรอาชญากรรมเหล่านี้มีการวางแผนอย่างเป็นระบบ มีการกระทำที่เข้าข่ายผิดกฎหมายอย่างหลากหลายและร้ายแรง จึงเรียกร้องขอความร่วมมืออย่างจริงจังจากชาติสมาชิกทั่วโลกในการจัดการกับปัญหาเช่นเดียวกับการต่อต้านการก่อการร้าย
“เราจะเพิกเฉยไม่ได้อีกต่อไป ผมขอเรียกร้องให้รัฐสภาทุกประเทศร่วมกันดำเนินการทั้งในทางกฎหมายและทางการเมือง เพื่อให้กฎหมายป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ การหลอกลวงออกไลน์ และอาชญากรรมไซเบอร์มีความเข้มแข็งยิ่งขึ้น รวมทั้งปิดช่องโหว่ของระบบคริปโตเคอร์เรนซี และธุรกรรมการเงินดิจิทัล เพื่อสกัดการฟอกเงินผ่านช่องทางเหล่านั้น” สส.จากพรรคประชาชน ระบุตอนหนึ่ง
ในส่วนของผู้คนที่ตกเป็นผู้ถูกกระทำ สส.รังสิมันต์ ชี้ว่า หลายคนต้องถูกกักขังหรือติดอยู่ในสถานที่หลอกลวง กลายเป็นเหยื่อของการหลอกลวง และการบังคับขู่เข็ญ ฉะนั้นแนวทางการแก้ปัญหาต้องยึดผู้เสียหายเป็นศูนย์กลาง ให้สิทธิในการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมอย่างเต็มที่ ซึ่งกระบวนการทั้งหมดนี้ล้วนอยู่ในอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบของฝ่ายนิติบัญญัติ หรือรัฐสภานั่นเอง
”รัฐสภาโลกจะต้องไม่ยอมรับการดำรงอยู่ของอุตสาหกรรมที่สร้างขึ้นเพื่อการหลอกลวง ฉะนั้นต้องร่วมกันรื้อถอนโครงสร้างกลไกงนี้ให้หมดไปโดยเร็วที่สุด“ สส.รังสิมันต์ กล่าวปิดท้ายเพื่อตอกย้ำถึงความเร่งด่วนของการแก้ไขปัญหา
"กัมพูชา" โต้ทันควัน เตือนอย่าผิดมารยาท - จี้หยุดกล่าวโทษ
หลังจาก สส.จากรัฐสภาไทยกล่าวจบ ปรากฏว่าได้รับการสนับสนุนจากผู้แทนชาติสมาชิก APA อย่างกว้างขวาง
ทำให้ผู้แทนจากรัฐสภากัมพูชาขอใช้สิทธิ์พาดพิงและให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับข้อเสนอของไทย
โดยในเบื้องต้น ผู้แทนจากกัมพูชายอมรับว่า สถานการณ์ของปัญหาอาชญากรรมไซเบอร์ทุกวันนี้มีขนาดใหญ่อย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ไม่มีภูมิภาคใดปลอดภัยจากอาชญากรรมนี้ จากยุโรปถึงแอฟริกา จากอเมริกาถึงแปซิฟิก
กัมพูชาจึงมีความมุ่งมั่นที่จะร่วมมือกับประชาคมโลกในการจัดการปัญหา โดยไม่คัดค้านต่อข้อเสนอของไทย หากมีเนื้อหาเพื่อหาแนวทางจัดการปัญหาอาชญากรรมไซเบอร์อย่างแท้จริง
แต่กัมพูชาก็อ้างว่า ข้อเสนอดังกล่าวนี้จะต้องไม่ละเมิดหลักการอธิปไตยและการไม่แทรกแซงชาติสมาชิกอื่น ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการแก้ไขปัญหาต่างๆ ร่วมกันของสหภาพรัฐสภา หรือ IPU ที่ยึดมั่นในหลักการนี้ตลอดมา
การกล่าวหาว่ามีการนำคนไปเป็นทาสและทรมาน โดยพยายามเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นขณะนี้ในบางกรณี ถือเป็นปฏิปักษ์ต่อมารยาททางการทูต
ผู้แทนกัมพูชา ย้ำว่า ร่างข้อเสนอที่มีถ้อยคำกล่าวหาในลักษณะนี้ ไม่ได้ส่งเสริมความร่วมมือของสหภาพรัฐสภา แต่กลับกลายเป็นการบั่นทอนความร่วมมือเสียด้วยซ้ำ
ผู้แทนจากกัมพูชา ทิ้งท้ายด้วยว่า การเสนอเรื่องใดในเวทีพหุภาคีต้องได้รับการยอมรับโดยทั่วไป ไม่ควรกล่าวโทษประเทศใดประเทศหนึ่ง นี่คือความรับผิดชอบร่วมกันของพวกเรา ในฐานะสมาชิก IPU แนวทางของการแก้ไขปัญหาไม่ใช่การกล่าวโทษ แต่เป็นการแสวงความร่วมมือ
รู้จัก APA องค์กรระหว่างรัฐสภาใหญ่สุดในเอเชีย
อนึ่ง สมัชชารัฐสภาเอเชีย หรือ APA เป็นองค์กรระหว่างรัฐสภาที่ใหญ่ที่สุดในทวีปเอเชีย ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2549 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมสันติภาพ ประชาธิปไตย และความร่วมมือระหว่างรัฐสภาของประเทศต่างๆ ในทวีปเอเชีย ปัจจุบันมีสมาชิกรัฐสภาจาก 44 ประเทศ และมีผู้สังเกตการณ์อีก 14 ประเทศ
ดูคลิป