"สส.ฐิติมา" โชว์เก๋า "เวทีผู้หญิง" - ลุ้น "กัมพูชา" ฉวยจังหวะโต้ แต่สุดท้ายเงียบ

20 ตุลาคม 2568 การประชุม IPU ช่วงบ่ายของวันอาทิตย์ที่ 19 ตุลาคมที่ผ่านมา ยังมีเวทีสมาชิกรัฐสภาหญิง ภายใต้สหภาพรัฐสภา หรือ ​Forum of Women Parliamentarians จัดคู่ขนานกันไปด้วย

 

เวทีช่วงนี้เปิดโอกาสให้สมาชิกรัฐสภาหญิงจากชาติต่างๆ ลงทะเบียนล่วงหน้า เพื่อพูด 1 ใน 3 หัวข้อที่ทางผู้จัดกำหนดเอาไว้ เมื่อถึงคิวก็จะเชิญให้สมาชิกได้อภิปรายอย่างเปิดเผยเกี่ยวกับข้อเสนอที่ตนเองเลือกที่จะพูด

ผู้แทนจากรัฐสภาไทย คือ สส.ฐิติมา ฉายแสง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดฉะเชิงเทรา พรรคเพื่อไทย ได้ลงทะเบียนเพื่ออภิปรายเรื่อง “การก้าวสู่อำนาจ” เพื่อบอกเล่าเรื่องราวชีวิตเกี่ยวกับอุปสรรคในการก้าวเข้าสู่วงการการเมือง, ใครคือผู้สนับสนุน, การเอาชนะอุปสรรค รวมถึงภัยคุกคามที่กำลังเกิดขึ้นของความรุนแรงทางออนไลน์ต่อผู้หญิง

 

 

 

 

 

 

สส.ฐิติมา กล่าวตอนหนึ่งว่า เข้าสู่แวดวงการเมืองเพราะมีบิดาเป็นนักการเมืองอยู่แล้ว (นายอนันต์ ฉายแสง อดีต สส.ฉะเชิงเทรา หลายสมัย) ฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องยากของตนที่จะก้าวสู่การเป็นนักการเมือง แต่ความท้าทายก็คือ ตนไม่จำเป็นต้องทำเหมือนผู้ชาย ไม่จำเป็นต้องใช้พลังอำนาจในแบบที่ผู้ชายทำ แต่ตนมุ่งใช้ความเมตตา และการสร้างความเข้าใจ เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมทางการเมือง

ส่วนการใช้โซเชียลมีเดียนั้น ถือเป็นช่องทางการเมืองที่สามารถเชื่อมต่อกับคนรุ่นใหม่ได้ เป็นการขยายขอบเขตการทำงานการเมืองของผู้หญิง แม้จะยังมีความท้าทาย โดยเฉพาะการใช้คำรุนแรงทางออนไลน์ต่อสตรี แต่ก็ไม่อยากให้มองว่าสิ่งเหล่านี้เป็นอุปสรรคในการเข้าถึงผู้คนอย่างกว้างขวางมากขึ้นกว่าเดิม

สส.หญิงจากฉะเชิงเทรา ย้ำทิ้งท้ายว่า การเมืองไม่ใช่เรื่องเพศ แต่เป็นการทำงานและการเป็นปากเป็นเสียงให้กับกลุ่มคนที่ไร้เสียง หรือเสียงไม่ดังในสังคม

 

 

ลุ้นกัมพูชาฉวยจังหวะโต้ แต่สุดท้ายเงียบ

การอภิปรายของ สส.ฐิติมา เป็นช่วงเวลาที่ทีมสนับสนุนจากรัฐสภาไทยต้องเกาะติดและมอนิเตอร์อย่างใกล้ชิด เพราะมีผู้แทนหญิงจากกัมพูชาลงทะเบียนขออภิปรายต่อจากไทยด้วย ทำให้มีความกังวลว่า อาจมีการหยิบยกข้อพิพาทไทย-กัมพูชาขึ้นมาให้ข้อมูลบิดเบือนจากความเป็นจริง โดยอาศัยเวทีประชุมระดับนานาชาติเพื่อแสวงประโยชน์ให้ประเทศของตนอีกครั้ง

 

 

แต่เมื่อผู้แทนหญิงจากกัมพูชาขึ้นพูด ปรากฏว่าไม่มีการอภิปรายพาดพิงประเทศไทย รวมถึงข้อพิพาทระหว่างไทยกับกัมพูชาด้วย ซึ่งสาเหตุหนึ่งอาจเป็นเพราะว่า ใน 3 หัวข้อที่ทางผู้จัดกำหนดให้ลงทะเบียนอภิปรายได้นั้น ไม่มีประเด็นที่จะเชื่อมโยงความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชาได้เลย ทำให้ฝ่ายไทยไม่ได้ใช้สิทธิ์พาดพิงใดๆ ทั้งๆ ที่ได้เตรียมข้อมูลเอาไว้อภิปรายตอบโต้แบบเต็มพิกัด

แต่ทั้งนี้ก็ยังมั่นใจไม่ได้ว่า ในเวทีย่อยอื่นๆ กัมพูชาจะไม่เล่นบท “เด็กถูกรังแก” เพื่อเรียกคะแนนสงสารจากชาวโลกซ้ำอีก ซึ่งทาง “ทีมไทยแลนด์” ก็ได้เฝ้าระวังและติดตามมอนิเตอร์ทุกเวที