
27 กันยายน 2568 เข้าสู่โค้งสุดท้ายแล้ว สำหรับการเลือกตั้งซ่อมศรีสะเกษ ซึ่งสนามการต่อสู้ระหว่างค่ายสีแดง พรรคเพื่อไทย กับ ค่ายสีน้ำเงิน พรรคภูมิใจไทย ในพื้นที่เลือกตั้งซ่อม : ศรีสะเกษ เขต 5 อ.ขุนหาญ อ.ภูสิงห์ ที่วันหย่อนบัตร : 28 ก.ย. (เลื่อนมาจาก 10 ส.ค. จากสถานการณ์สู้รบ)
ซึ่งในส่วนของตัวแทนแต่ละฝ่ายนั้น ประกอบด้วย
ผู้สมัคร : “กุ้ง” ภูริกา สมหมาย ผู้สมัคร สส.หมายเลข 1 พรรคเพื่อไทย กับ “อีฟ” จินณ์ตวรรณ ไตรสรณกุล ผู้สมัคร สส.หมายเลข 2 พรรคภูมิใจไทย
จุดแข็ง “อีฟ” จินณ์ตวรรณ ค่ายน้ำเงิน เต็งแชมป์
1.กระแสรักชาติในพื้นที่ชายแดนอีสานใต้ กลายเป็นผลบวกแก่ผู้สมัครพรรคภูมิใจไทย
2.บ้านใหญ่ “ไตรสรณกุล” ที่มีฐานเสียง สจ.ทั้ง อ.ภูสิงห์ และ อ.ขุนหาญ
3.การจัดตั้งรัฐบาลเฉพาะกาลของภูมิใจไทย เปลี่ยนใจโหวตเตอร์ที่เคยเลือกแดงให้มาเลือกน้ำเงินแทน
จุดอ่อน “อีฟ” จินณ์ตวรรณ
1.ไม่ใช่คนท้องถิ่น อ.ขุนหาญ และ อ.ภูสิงห์ เป็นลูกหลานคนจีนจาก อ.กันทรลักษ์
2.แบรนด์พรรคสีน้ำเงิน คนในพื้นที่ยังฝังใจเรื่อง “เนรคุณ” หรือ “งูเห่า”สมัยที่แล้ว ธีระ ไตรสรณกุล (พ่อของอีฟ) ก็เจอยุทธการไล่หนูตีงูเห่า จนพ่ายแพ้แก่ อมรเทพ สมหมาย
3.ปมคดีเขากระโดง และคดีฮั้ว สว. ถูกนำไปขยายผล จนคาดว่าจะมีบัตร “โนโหวต” จำนวนมาก
จุดแข็ง “กุ้ง” ภูริกา สมหมาย ค่ายสีแดง
1.ชูจุดขาย ทายาทของอมรเทพ ผู้ล่วงลับ ชูคำขวัญท้องถิ่นนิยม “ลูกขุนหาญ หลานภูสิงห์” มาหาเสียง
2.แบรนด์ทักษิณ แบรนด์แดงเพื่อไทย อยู่ในใจชาวกูย (ส่วย) ประชากรส่วนใหญ่ของ 2 อำเภอนี้ และพรรคทักษิณไม่เคยแพ้
จุดอ่อนของ “กุ้ง” ภูริกา สมหมาย
1.กระแสเพื่อไทยร่วงหนัก หลังคดีคลิปเสียง ที่ส่งผลให้แพทองธาร ชินวัตร หลุดเก้าอี้นายกฯ
2.สถานการณ์การเมืองพลิกผัน ตอนสมัครรับเลือกตั้ง เพื่อไทยยังเป็นรัฐบาล พอใกล้ถึงวันเลือกตั้ง ค่ายสีแดงพลิกเป็นฝ่ายค้าน
3.ธรรมชาติการเลือกตั้งซ่อม ชาวบ้านมักจะไม่เลือกผู้สมัคร สส.จากพรรคฝ่ายค้าน เพราะเลือกฝ่ายรัฐบาล ชาวบ้านได้ประโยชน์มากกว่า
โหวตเตอร์ 3 กลุ่ม
คะแนนผู้ชนะ - 60%
คะแนนผู้แพ้ - 30%
คะแนนโหวตโน - 10%
ลุ้นคะแนนจริง วันอาทิตย์ 28 ก.ย.68