
25 กันยายน 2568 ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า หลังการเข้าถวายสัตย์ฯ วันนี้ตนเป็นรัฐมนตรีว่าการเต็มตัว จะมุ่งเน้นในมิติของความมั่นคงเป็นหลัก ในส่วนเรื่องอื่นให้เป็นนโยบายของรัฐบาล ที่จะมอบหมายให้กระทรวงกลาโหมดำเนินการนั้น ตนได้มอบหมายให้ พล.ท.อดุลย์ บุญธรรมเจริญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ลงพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ หลังเกิดกรณีทหารกัมพูชายิงปืนที่ช่องภูผี ซึ่งเป็นการยั่วยุไม่ทำตามข้อตกลง GBC และรอให้ รมช.กลาโหม เดินทางกลับมา ก็จะมีการพูดคุยกรอบอำนาจหน้าที่ใ นการทำงานอีกครั้งหนึ่ง พร้อมระบุว่า พี่ชายของ พล.ท.อดุลย์ ก็เป็นเพื่อนของตน การทำงานจะราบรื่นอยู่แล้ว อีกทั้งยังเป็นอดีตแม่ทัพภาคที่ 2 สามารถเข้าใจปัญหาในพื้นที่ได้ดี ซึ่งจะทำให้ตนทำงานได้ง่ายขึ้น
สำหรับศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย - กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ไม่จำเป็นต้องมีแล้ว เพราะปัจจุบันมีรัฐบาล ครบ 36 คน ซึ่งต่อไป สภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. จะทำหน้าที่สื่อสารไปยังประชาชน มีนายกรัฐมนตรี รับผิดชอบงานด้านความมั่นคง และถือเป็นจังหวะที่ดี เพราะนายกรัฐมนตรี ยังนั่งในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งจะทำให้งานที่เกี่ยวข้อง ระหว่างกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงกลาโหม สอดคล้อง และสามารถแก้ไขปัญหาด้านความมั่นคงได้เป็นอย่างดี ในขณะที่เรื่องเศรษฐกิจ มีทีมที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว
ในส่วนของกระทรวงกลาโหม ได้เตรียมนโยบายเพื่อขับเคลื่อนในช่วง 4 เดือนของรัฐบาลนี้ เน้นในเรื่องการแก้ไขปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา รวมไปถึงการแก้ไขปัญหาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ สถานการณ์ชายแดนไทย-เมียนมา ซึ่งมีการปิดด่านผ่านแดนถาวร ตั้งแต่ท่าขี้เหล็ก สิงขร ระนอง ซึ่งต้องอยู่ว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาให้ประชาชนได้อย่างไร
และความเดือดร้อนของประชาชนที่ประสบภัยพิบัติ โดยเฉพาะในพื้นที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ซึ่งตนได้รับปากเอาไว้ว่า ปีนี้จะต้องไม่เหมือนปีที่แล้ว และปัจจุบันได้มอบหมายให้กรมการทหารช่างเตรียมการทำพนังกั้นน้ำ ซึ่งตนเตรียมจะลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ด้วยตัวเอง ทั้งนี้จะเน้นย้ำใน 4 เรื่องนี้ใน 4 เดือน โดยได้เสนอเป็นนโยบายให้รัฐบาลว่า ขอเอาเรื่องสำคัญ
นอกจากนี้ จะต้องมีการพิจารณาคำของบประมาณปี 2570 ด้วย โดยจะใช้สมุดปกขาวของกระทรวงกลาโหมที่มีอยู่ ในการพิจารณาคำขอในปีต่อไป ส่วนนโยบายที่จะแถลงต่อรัฐสภาในวันที่ 29 กันยายนนี้ มีไม่มาก เนื่องจากมีเวลาเพียงแค่ 4 เดือน ต้องทำให้ได้ เพราะหากออกนโยบายไปมากแล้วทำไม่ได้จะถูกตำหนิ
พล.อ.ณัฐพล ยังกล่าวถึงกรณีโฆษกกระทรวงมหาดไทยของกัมพูชา ได้อ้างคลิปเสียงของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เคยพูดถึงพื้นที่บ้านหนองจานว่า เป็นพื้นที่ของกัมพูชา ซึ่งทำให้ประชาชนกัมพูชาหลงเชื่อว่า เรื่องพื้นที่ชัดเจนอยู่แล้วว่า เป็นอธิปไตยของไทย เป็นไปตามที่กองกำลังบูรพาได้ชี้แจงก่อนหน้านี้ มีเขตเส้นแดงและเส้นน้ำเงิน ซึ่งล่าสุดเราก็รอการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ครั้งล่าสุดนี้ว่า เส้นแดง-น้ำเงิน ตรงไหนกันแน่
โดยการประชุม JBC ครั้งที่แล้ว ตนได้คุยด้วยเหตุผลกับฝั่งกัมพูชาว่าใต้เส้นแดงเป็นเขตอธิปไตยของไทย เราสนใจเพียงใต้เส้นแดง การที่จะเอารถแทร็กเตอร์ไปดัน 200 ครอบครัวของฝั่งกัมพูชา ก็ต้องคำนึงถึงด้านมนุษยธรรม เพราะเราทำตามขั้นตอนคือ ต้องจับกุมก่อนตามกฎหมายไทย โดยเป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองแบบผิดกฎหมาย
แต่ทั้งนี้ กัมพูชาก็เข้าใจว่าไม่สามารถอพยพได้ทันที ซึ่งตนก็บอกไปว่าให้เสนอแผนมาว่า จะทำอย่างไร ทางผู้ว่าจังหวัดสระแก้วได้ไปประชุมร่วมกับ ผู้ว่าราชการจังหวัดบันเตียเมียนเจย ในครั้งที่แล้ว และได้ไปทวงแผน จนได้รับคำตอบมาว่า ยังไม่ได้รับแผนมาจากรัฐบาล และให้ไปประชุมในวงประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคไทย-กัมพูชา (RBC) ซึ่งอย่างนี้ก็ไม่มีอะไรคืบหน้า โยนกันไปโยนกันมา
"ตอนที่ผมไปประชุม GBC ก็โยนมาให้เป็นการพูดคุยระดับ RBC พอประชุม RBC ก็โยนไปให้นโยบายจากรัฐบาล ซึ่งจริงๆ แล้วการที่เป็นรัฐบาล คนที่มาประชุมจะได้รับอำนาจในการตกลงใจอะไรได้บ้าง ผมก็เข้าใจในระบบกัมพูชา ซึ่งการประชุมผ่านไปหลายวันแล้ว ก็ไม่มีอะไรคืบหน้า จริงๆ แล้วการประชุมหลังจากเสร็จสิ้น 1-2 วัน ก็น่าจะทราบผลแล้ว แต่ทางผู้ว่าราชการจังหวัดบันเตียเมียนเจย ก็ยังไม่ได้รับนโยบายมาจากรัฐบาลกัมพูชา"
เมื่อถามย้ำว่า จุดบ้านหนองจาน ที่มีการก่อม็อบอยู่ในขณะนี้และไม่ยอมถอยไป เป็นเพราะทางกัมพูชาคิดว่า เป็นพื้นที่อธิปไตยของเขาเหมือนที่ พล.อ.ประวิตร เคยให้สัมภาษณ์ใช่หรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ตนไม่ขอพูดถึง พล.อ.ประวิตร แต่พูดตามข้อเท็จจริงในปัจจุบัน ย้ำว่าใต้เส้นแดงคือของไทย ซึ่งเราก็ต้องรักษาอธิปไตย เราคิดถึงประชาชนคนไทยเป็นลำดับแรก เพราะพื้นที่ดังกล่าวเป็นอธิปไตยของไทย คนไทยต้องมีที่ทำกิน ต้องทำตามกฎหมายของไทย ตนแค่ฟังเหตุผลของฝั่งกัมพูชาเท่านั้นเอง