ชายแดนเดือด! เจาะความพร้อม ไทยเคลียร์บ้านหนองจาน ปิดเกมกัมพูชา

22 กันยายน 2568 สถานการณ์ ชายแดนไทย-ฃกัมพูชา จุดที่ตึงเครียดที่สุดยามนี้ กลายเป็นชายแดนด้านจังหวัดสระแก้ว เพราะมีการเผชิญหน้ากันของ “พลเรือน” จากกรณีชาวกัมพูชาล้ำแดน ตั้งบ้านเรือนและชุมชนล้ำเขตแดนไทย อยู่ในเขตอธิปไตยไทยนับร้อยหลังคาเรือน ในพื้นที่บ้านหนองจาน และบ้านหนองหญ้าแก้ว ตำบลโนนหมากมุ่น อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว

ทั้งสองจุดโดยเฉพาะบ้านหนองจาน มีการระดมมวลชนประท้วงด่าทอทหารและเจ้าหน้าที่ไทย ซึ่งกำลังใช้มาตรการจากเบาไปหาหนัก อพยพชาวกัมพูชาออกจากพื้นที่ ซึ่งเป็นเขตอธิปไตยไทย และมีเอกสารทางการกัมพูชายอมรับโดยดุษฎีด้วย

สถานการณ์ตรงจุดนี้สุ่มเสี่ยงอย่างยิ่งต่อการปะทะ เพราะทหารกัมพูชาทำตัวเป็นกองหนุนอยู่แนวหลัง  และอาจมีแผนสร้างสถานการณ์บางอย่าง ให้ฝ่ายไทยเพลี่ยงพล้ำซ้ำอีก
 

เจาะความพร้อม เคลียร์บ้านหนองจาน
 

จากตรวจสอบความพร้อมของกองทัพภาคที่ 1 ซึ่งรับผิดชอบชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านจังหวัดสระแก้ว ในห้วงที่กำลังมีการสับเปลี่ยนกำลังครั้งใหญ่ และเปลี่ยนผ่านแม่ทัพภาคที่ 1 จาก พลโท อมฤต บุญสุยา หรือ “แม่ทัพใหญ่” เตรียมทหารรุ่น 27 เป็น พลโท วรยส เหลืองสุวรรณ หรือ “แม่ทัพไก่” เตรียมทหารรุ่น 28

แหล่งข่าวซึ่งเป็นนายทหารระดับสูงจากกองทัพภาคที่ 1 ยืนยันว่า ทางกองทัพไม่มีความกังวล หรือหนักใจใดๆ และพร้อมดำเนินการตามแผนยุทธการ ที่ได้วางไว้เป็นขั้นเป็นตอน โดยมีปัจจัยสนับสนุน คือ

1.ทุกฝ่ายเห็นตรงกันเรื่องแนวทางดำเนินการ พูดง่ายๆ คือมีความเป็นเอกภาพมาก ทั้งฝ่ายทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และฝ่ายการเมือง ที่สำคัญคือได้รับการสนับสนุนจากพี่น้องประชาชนตามแนวชายแดน

2.พื้นที่เกิดเหตุ ชัดเจนว่าเป็นเขตอธิปไตยของไทย ไม่มีข้อโต้แย้งแต่อย่างใดทั้งสิ้น มีเอกสารที่ทางกัมพูชาเองก็ยอมรับ

3.มีแผนดำเนินการชัดเจน เป็นเอกภาพ และกำลังทหารของไทยเหนือกว่ามาก ประกอบกับจุดที่มีปัญหาใกล้เขตเศรษฐกิจสำคัญของกัมพูชา มีทั้งบ่อนกาสิโน โรงแรมหรู และย่านการค้า รวมถึงแหล่งท่องเที่ยว ทำให้กลุ่มทุนกัมพูชาต้องเฝ้าระวัง และไม่อยากให้สถานการณ์ลุกลามบานปลาย เพราะจะกระทบกับผลประโยชน์ของตัวเองมากกว่า 

แผนปิดเกมหนองจาน ล็อกเป้าบ่อนพนัน - จับหัวโจกม็อบ
 

อีกด้านหนึ่ง มีการประเมินสถานการณ์จากฝ่ายความมั่นคง และศูนย์ประสานงานข่าวกรอง ซึ่งได้จัดทำรายงานส่งถึงรัฐบาลและหน่วยเหนือทุกหน่วย สรุปสาระสำคัญได้ดังนี้ 

1. ฝ่ายทหารมีความพร้อม 100% รับมือกับสถานการณ์ได้แน่ และมีการกำหนดมาตรการจากเบาไปหาหนักเอาไว้แล้ว 

2. ถ้าฝ่ายกัมพูชาใช้กำลังทหาร ฝ่ายไทยก็มีความพร้อมเต็มร้อย 

3. แผนของกัมพูชาคือจะสร้างสถานการณ์ให้เห็นว่า ไทยใช้ความรุนแรงกับประชาชน เพื่อร้องเรียนประชาคมโลกให้ประณามไทย  

แนวทางแก้ไขของฝ่ายไทย คือ เน้นแจ้งเตือนล่วงหน้า และใช้มาตรการเบาไปหาหนัก ตามสถานการณ์ที่เป็นจริง มีบันทึกภาพเหตุการณ์ทุกขั้นตอน ไม่เร่งรัดจนเสี่ยงเกิดความผิดพลาด แต่ค่อยๆ ดำเนินการตามแผน โดยหวังผลลัพธ์​ให้เป็นไปตามแผนที่วางเอาไว้  



4.ห้วงเวลาสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดสถานการณ์ไม่พึงประสงค์ ฝ่ายความมั่นคงประเมินว่า คาดว่าฝ่ายกัมพูชาจะใช้ช่วงเวลาที่ไทยเปลี่ยนผ่านการเมือง และผู้รับผิดชอบฝ่ายทหาร เพื่อจุดพลุ สร้างกระแส สร้างสถานการณ์ เพราะเชื่อว่าฝ่ายไทยจะรับมือได้ไม่เต็มที่ 

แต่ฝ่ายไทย ทั้งกองทัพ ฝ่ายปกครอง และรัฐบาล วางแผนร่วมกันหมดแล้ว โดยทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่าที่ผ่านมาปัญหาที่ทำให้ไทยเพลี่ยงพล้ำมาจากฝ่ายการเมืองที่ไม่มีความชัดเจนเรื่องนโยบาย

5.การประเมินการใช้กำลัง หรือความเสี่ยงในการสู้รบระลอกใหม่นั้น เชื่อว่ากัมพูชาไม่กล้าใช้กำลังทหารเต็มรูปแบบ เพราะเสียหายหนักจากการปะทะครั้งที่แล้ว และเป้าหมายของฝ่ายไทย คือ “ไม่ให้กัมพูชากลับมาเป็นภัยคุกคามได้อีก”

ฉะนั้นหากเกิดการปะทะระลอกใหม่ จะมีความเสียหายหนักมาก โดยเฉพาะบ่อนการพนัน โรงแรมหรู และแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ มีแนวโน้มถูกทำลาย ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงกับกลุ่มทุนกัมพูชาที่เชื่อมโยงถึงผู้มีอำนาจ

ด้วยเหตุนี้ สถานบันเทิงครบวงจร บ่อนการพนัน โรงแรม และแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ตลอดจนตลาดการค้า จึงเป็นจุดอ่อนไหวของฝ่ายกัมพูชา เปิดช่องให้ฝ่ายไทยชิงความได้เปรียบ 



6.การชุมนุมของประชาชนชาวกัมพูชา มีข้อมูลชัดเจนว่า ไม่ไดัเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ แต่เป็นมวลชนจัดตั้ง มีแกนนำ และมีทหารแฝงตัวปะปน โดยฝ่ายไทยมาร์คตัวทั้งหมดแล้ว เตรียมจับกุมดำเนินคดีตามกฎหมายทันทีที่เกิดความวุ่นวาย หรือในช่วงสลายการชุมนุม โดยเน้นดำเนินการกับคนที่เป็นหัวโจก 

ยืนยันว่า กองทัพเตรียมการทั้งด้านยุทธศาสตร์ และยุทธวิธีเอาไว้หมดแล้ว ประกอบกับประชาชนในพื้นที่ให้การสนับสนุน จึงมั่นใจว่าปัญหาทุกอย่างจะจบลงได้ในเร็ววันนี้