เช็กจำนวน สส.ภูมิใจไทย ภาคกลาง เจาะฐานในพื้นที่ ขยายสู่ระดับชาติ

เพียงแค่ครั้งแรกของการลงพื้นที่ ต้องบอกว่า “นายกฯหนู” คนนี้ บินสูงและมาเหนือเมฆจริงๆ

 

โชว์ลีลาครบเครื่อง เชิดชูนักการเมืองรุ่นน้อง เคารพผู้อาวุโสการเมืองรุ่นใหญ่ ไม่มีข่มใคร ใช้คำหวานและความอ่อนน้อมเข้าหา

 

มีความเป็นนักการเมืองสูง เอาใจใส่ประชาชนทุกกลุ่ม โดยเฉพาะฐานเสียงสำคัญ เช่น เครือข่าย อสม. ที่เคยร่วมงานกันมาสมัยเป็น รมว.สาธารณสุข ในรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา

 

วางเกมการเมืองระยะยาว กวาดเก้าอี้ สส.ภูมิใจไทย ภาคกลาง ซึ่งเป็นพื้นที่พิเศษ ไม่มีพรรคใดเป็นเจ้าของแบบเบ็ดเสร็จ แตกต่างจากพื้นที่อีสาน เหนือ และภาคใต้

 

 

มีความเป็นบ้านใหญ่ และประชาชนเลือกที่ตัวบุคคลเป็นหลัก

 

กลยุทธ์ภูมิใจไทยคือวางรากฐานตั้งแต่การเมืองท้องถิ่น โดยเฉพาะ อบจ.และเทศบาล

มีเครือข่าย อบจ.ลุ่มน้ำเจ้าพระยา หลายจังหวัด ทั้ง นครสวรรค์ ปทุมธานี อ่างทอง เคยไฟเขียวให้นายก อบจ.ลาออกก่อนครบวาระ เพื่อเลี่ยงการแข่งขันกับกระแสสีส้ม

 

รายชื่อ สส.ภูมิใจไทย ภาคกลาง มีจังหวัดไหนบ้าง

 

 

วันนี้เครือข่าย อบจ.กลุ่มนี้เป็นฐานเสียงให้ “สีน้ำเงิน” ในการเมืองระดับชาติ โดยมี อบจ.พระนครศรีอยุธยา นำโดย “ซ้อสมทรง พันธุ์เจริญวรกุล นายก อบจ. เป็นผู้สนับสนุนหลัก

 

ลูกชายของ “ซ้อสมทรง” เป็น สส.ภูมิใจไทย คือ สุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล ได้เป็นรัฐมนตรีต่อเนื่อง 2 สมัย จาก รมช.ศึกษาธิการ ยุครัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน ต่อเนื่องถึง รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร และล่าสุดผงาดขึ้นเป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว. ในครม.ชุดล่าสุด

 

 - พระนครศรีอยุธยา มี 5 เขต มี สส.ได้ 5 คน การเลือกตั้งปี 66 ภูมิใจไทยได้มา 3 เขต นำทีมโดยบ้านใหญ่ “ซ้อสมทรง” และได้รัฐมนตรีไป 1 เก้าอี้

 

-อ่างทอง จังหวัดติดกัน มี 2 เขต ภูมิใจไทยกวาดยกจังหวัด รอบนี้ได้รัฐมนตรีไป 1 ตำแหน่ง โดย “สส.แบด” ภราดร ปริศนานันทกุล ได้ตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ไปก่อนจะได้นั่งรัฐมนตรี

 

- ชัยนาท มี 2 เขต ภูมิใจไทยได้มา 1 เขต ส่วนอีก 1 เขต เป็นของ “เสี่ยแฮงค์” อนุชา นาคาศัย จากรวมไทยสร้างชาติ แต่ตระกูลนาคาศัย เคยอยู่ภูมิใจไทยมาก่อน รอบนี้ อนุชา ก็น่าจะอยู่กลุ่มโหวต “เสี่ยหนู” เป็นนายกฯ และน่าจะกลับรังเก่า

 

- อุทัยธานี มี 2 เขต ภูมิใจไทยกวาดยกจังหวัด จากบ้านใหญ่ “ชาดา ไทยเศรษฐ์” ปัจจุบันส่งลูกสาวนั่งรัฐมนตรีแทน รอบนี้ขยับจาก รมช.มหาดไทย เป็น รมว.วัฒนธรรม

 

พื้นที่ภาคกลางจึงเหลือเป็นฟันหลอ คือ สิงห์บุรี ยังเป็นพื้นที่ของตระกูล “ธนาคมานุสรณ์” ที่นำโดย “เสี่ยโอ๋” ชัยวุฒิ คนสนิทลุงป้อม  แต่หาก “ลุงป้อม” และพลังประชารัฐ ไม่ไปต่อทางการเมือง ก็มีความเป็นไปได้ที่จะไหลเข้าภูมิใจไทยหรือไม่

 

และอีกจังหวัด ที่เป็นอู่ข้าวอู่น้ำ ที่ยังเจาะไม่ได้ ก็คือ สุพรรณบุรี แต่จังหวัดนี้เป็น “ฐานเสียงสุดท้าย” ของชาติไทยพัฒนา ที่นำโดย วราวุธ ศิลปอาชา ลูกชายของ คุณบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตนักการเมืองมากบารมีในอดีต พรรคชาติไทยเดิม เป็นบ้านเกิดของนักการเมืองหลายคน เพราะเคยเป็นพรรคใหญ่ที่สุดในประเทศ

 

ปัจจุบันชาติไทยพัฒนา ไม่ได้มาร่วมรัฐบาลกับภูมิใจไทย แต่ก็เคยเป็นรัฐบาลร่วมกันสมัยรัฐบาลลุงตู่ และการส่งแกนนำพรรคมาร่วมงานวันเกิด “รัฐมนตรีแบด” ในวันนี้ จึงเป็นการส่งสัญญาณ “พันธมิตรการเมือง”  ภูมิใจไทยอาจเว้นไว้ให้ 1 จังหวัดภาคกลาง แล้วดีลร่วมรัฐบาลหลังเลือกตั้งในอนาคต

 

อีกหนึ่งพื้นที่ที่มองข้ามไม่ได้ คือ ปริมณฑลของกรุงเทพฯ อย่าง สมุทรปราการ ซึ่งการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ปี 66 พรรคสีส้มแผลงฤทธิ์  กวาดยกจังหวัด 8 เขต

 

ส่วนการเลือกตั้งรอบหน้า ด้วยชื่อเสียงของพรรคส้มที่ถูกวิจารณ์หลายเรื่อง อาจมีช่องว่างให้โดนเจาะได้เหมือนกัน ล่าสุดมีข่าว “ดร.แด๊ก” ธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เตรียมตั้งคนการเมืองรุ่นใหม่ ซึ่งมีฐานท้องถิ่นในเมืองปากน้ำ เป็นเลขานุการรัฐมนตรี เพื่อเตรียมสู้ศึกเลือกตั้งใหญ่ในปีหน้านี้ และหวังปักธงสมุทรปราการให้พรรคสีน้ำเงิน เพราะ “ดร.แด๊ก” ก็น่าจะไปต่อกับภูมิใจไทยด้วยเช่นกัน

 

การตั้งรัฐบาลเฉพาะกาล อายุ 4 เดือนรอบนี้ พรรคประชาชนเหมือน “เสียรู้” หลายเด้ง โดยเฉพาะการไม่ยอมส่งคนเข้าไปนั่งเป็นรัฐมนตรี แต่ปล่อยให้ภูมิใจไทยตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย แต่ตำแหน่งรัฐมนตรีเท่าเดิม ส่งผลให้ตำแหน่งเหลือเฟือ นำไปแจก “บ้านใหญ่” ซื้อใจ ผูกดีลกันล่วงหน้าถึงการเลือกตั้งครั้งหน้า

 

ทั้ง กลุ่มบุญญามณี ที่สละเก้าอี้ไปเอง กลุ่ม สส.กระบี่ ที่ได้ยกจังหวัด 3 เขต รอบนี้ลูกสาว “โกหงวน” สมศักดิ์ กิตติธรกุล นายก อบจ.กระบี่ ผูกขาด 8 สมัย คือ คุณศศิธร กิตติธรกุล ได้นั่ง รมช.มหาดไทย กันเลยทีเดียว เรียกว่าได้เก้าอี้ตอบแทน แถมด้วยโบนัสกันถ้วนหน้้า แบบนี้ “บ้านใหญ่” ไม่มีทางแตกแถวไปไหน เล่นเอาพรรคส้ม และพรรคสีแดง ได้แต่นั่งดูตาปริบๆ