
21 กันยายน 2568 การเผชิญหน้ากันครั้งแรกในเวทีสภา ระหว่าง “รัฐบาลชุดใหม่” กับ “ฝ่ายค้าน” ซึ่งมีทั้งคณะเก่า และคณะใหม่ คือการแถลงนโยบายต่อรัฐบาล ของ “ครม.หนู1” ซึ่งคาดกันว่าจะมีการประชุมรัฐสภาเพื่อแถลงนโยบายกันในวันที่ 29-30 กันยายน
พรรคฝ่ายค้านพรรคหลัก ตอนนี้มี 2 พรรค คือ พรรคประชาชน กับพรรคเพื่อไทย และยังมีพรรคพันธมิตรซึ่งเชื่อว่าจะแสดงบทบาทแน่ คือ พรรคประชาชาติ
พรรคส้มรอถล่ม 3 ประเด็น 4 เรื่อง
- พรรคฝ่ายค้านหลัก พรรคแรก คือ พรรคประชาชน ซึ่งเป็นฝ่ายค้านอยู่ก่อนแล้ว รอบนี้วางเกมอภิปรายเอาไว้หลายเรื่อง ซึ่ง “ข่าวข้นคนข่าว” ถอดรหัสจากคำสัมภาษณ์ของ “หัวหน้าเท้ง” ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร
หนึ่ง - คุณสมบัติและความเหมาะสมของผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี
สอง - นโยบายของรัฐบาลในกรอบระยะเวลา 4 เดือน มีความเหมาะสมหรือไม่
สาม - นโยบายการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการเตรียมทำประชามติ ซึ่งอยู่ในอำนาจของรัฐบาล และอยู่ใน MOA ที่จะทำร่วมกัน
ขณะที่ “คุณไอติม” พริษฐ์ วัชรสินธุ โฆษกพรรคประชาชน เผยเอาไว้ก่อนหน้านี้ว่า ได้ตั้งทีมชำแหละนโยบายรัฐบาล 4 ประเด็น
1. ตรวจสอบและติดตามการรักษาสัญญา ตามเงื่อนไข MOA + การทำงานตามเงื่อนไข 4 เดือน
- เน้นความคืบหน้าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
2.ตรวจสอบประเด็นที่สังคมตั้งคำถาม โดยเฉพาะ ฮั้ว สว. และเขากระโดง => มอบ สส.วิโรจน์ ลักขณาอดิศร เป็นแม่ทัพ
- พ่วงนโยบายกัญชา + คดีการเมือง
3. ตรวจสอบนโยบายเฉพาะหน้าที่รัฐบาลชุดนี้จะผลักดัน ทำเพื่อคะแนนนิยม หรือสร้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจ
- เช่น โครงการคนละครึ่ง
4.ตรวจสอบความเหมาะสมของรายชื่อ ครม. ที่ประกาศมา บางชื่อสังคมตั้งคำถามเกี่ยวกับผลประโยชน์ทับซ้อน
- เช่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
และการตรวจสอบจะไม่หยุดแค่วันแถลงนโยบาย แต่จะใช้กลไกสภาตรวจสอบต่อไปอีก
ตรวจสอบผ่านกลไกสภา
- ตั้งกระทู้ถามสด
- ยื่นญัตติด่วนด้วยวาจา
- กลไกกรรมาธิการ
- อภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ
- อภิปรายไม่ไว้วางใจ
ขู่แฉ “รมต.สีเทา” - ขาใหญ่เขย่าหลักฐานรอโต้กลับ
สำหรับการตรวจสอบคุณสมบัติผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี มี สส.พรรคประชาชน คุณชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สส.ระยอง ออกมาเคลื่อนไหวโชว์หลักฐาน “รัฐมนตรีป้ายแดง” บางคน เคยถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด กรณีทุจริต และเรียกร้องให้นายกฯหนู ทบทวน แต่ดูเหมือนจะไม่มีการทบทวน เนื่องจากชื่อ ครม.หนู 1 ที่ออกมา ตรงตามโผที่เป็นข่าว ครบทุกชื่อ ฉะนั้นในวันแถลงนโยบาย น่าจะมีการอภิปรายเรื่องนี้
หลังจาก สส.พรรคส้ม ออกมาเปิดประเด็น ก็มีการคาดเดากันว่า “รัฐมนตรีป้ายแดง” รายนี้คือใครกันแน่ แต่จากข้อมูลของ สส.ที่ออกมาแฉ เป็น “สส.ภาคตะวันออก” จึงเชื่อว่า ผู้ถูกกล่าวหา น่าจะเชื่อมโยงกับ “ขาใหญ่ภาคตะวันออก” ที่เป็น “ไม้เบื่อไม้เมา” กับ สส.พรรคส้มนั่นเอง
ข่าวจากพรรคประชาชน แจ้งว่า ในวันอภิปรายนโยบายจะมีการตั้งคำถามถึง “นักการเมืองขาใหญ่” รายนี้ 2 เรื่อง คือ
หนึ่ง ตัวนักการเมืองขาใหญ่ กับลูกน้องคนสนิท เกี่ยวข้องกับบริษัทขนขยะอิเล็กทรอนิกส์ข้ามชาติ และมีการนำไปฝังกลบในพื้นที่ภาคตะวันออกหรือไม่
โดยนักการเมืองรายนี้ น่าจะได้เป็นรัฐมนตรีที่กำกับดูแลกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้โดยตรงด้วย
สอง ตัวคนสนิทของนักการเมืองขาใหญ่ เคยถูก ป.ป.ช.ชี้มูลทุจริต เมื่อีป 65 ซึ่งน่าจะเป็นเคสเดียวกับที่ สส.ชุติพงศ์ ออกมาแฉล่วงหน้า
ข่าวล่าสุดแจ้งว่า ตัวนักการเมืองขาใหญ่ก็อ่านเกมออก และเตรียมข้อมูลไว้ชี้แจงแล้วเช่นกัน โดยเฉพาะเรื่องของ “คนสนิท” ที่มีชื่อเป็นรัฐมนตรีรอบนี้ด้วย
โดนกล่าวหาและถูก ป.ป.ช.ชี้มูลทุจริต กรณีเบิกจ่ายงบก่อสร้างอาคารสำนักงานเทศบาลแห่งหนึ่งในภาคตะวันออก สมัยดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรี แต่หลังถูก ป.ป.ช.ชี้มูลปี 65 ได้มีการฟ้องคดีต่อศาลอาญาคดีทุจริตภาค 2 ไปแล้ว และศาลมีคำพิพากษายกฟ้อง
นอกจากนั้นยังมีความเคลื่อนไหวอ้างการตรวจสอบของ ป.ป.ช. เชื่อมโยง “ว่าที่รัฐมนตรีรายหนึ่ง” ถูกตั้งประเด็นตรวจสอบเกี่ยวกับพฤติกรรม “ร่ำรวยผิดปกติ” แต่จากการตรวจสอบข้อมูลใน ป.ป.ช. พบว่า เรื่องนี้เป็นเพียงการตรวจสอบในเบื้องต้น ยังไม่มีการตั้งอนุไต่สวน หรือชงเรื่องให้ตั้งอนุไต่สวน ใดๆ ทั้งสิ้น
นอกจากนั้น กรณีร่ำรวยผิดปกติ หรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติ จะต้องมีการตรวจสอบเปรียบเทียบกับบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินที่ได้แสดงต่อ ป.ป.ช. ในช่วงระหว่างการเข้าดำรงตำแหน่งทางการเมือง และช่วงที่พ้นจากตำแหน่งทางการเมือง จึงไม่ใช่การไปตรวจเส้นทางเงินรายวัน
ทั้งๆ ที่บุคคลผู้นั้นไม่ได้ตกเป็นผู้ต้องหา หรือผู้ถูกกล่าวหาในคดีอาญา ฉะนั้นในเบื้องต้น เรื่องนี้จึงไม่ได้กระทบกับตัวบุคคลที่ถูกระบุว่าเป็น “ว่าที่รัฐมนตรี” และยังไม่มีความชัดเจนว่า พรรคฝ่ายค้านจะหยิบเรื่องนี้ขึ้นมาอภิปรายด้วยหรือไม่ เนื่องจากเป็นเพียงการรายงานข่าวของสื่อแขนงหนึ่ง
พท.วาง 4 ขุนพลคุมถล่มนโยบาย "รัฐบาลสีน้ำเงิน"
- พรรคฝ่ายค้านหลักพรรคที่ 2 ที่จะร่วมอภิปรายนโยบายรัฐบาลรอบนี้ คือ พรรคเพื่อไทย มีการมอบหมายให้ 4 ขุนพลคนสำคัญ คุมปฏิบัติการซักฟอกนโยบาย ได้แก่
คุณสุทิน คลังแสง สส.บัญชีรายชื่อ และอดีต รมว.กลาโหม คุณจาตุรนต์ ฉายแสง สส.บัญชีรายชื่อ และอดีตรัฐมนตรีหลายกระทรวง คุณจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สส.เชียงใหม่ และอดีต รมช.คลัง คุณหมอ ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน อดีต รมว.สาธารณสุข
- เนื้อหาการอภิปรายจะเน้น 2 ส่วน คือ ตัวนโยบายที่จะแถลง และ ตัวบุคคลที่มาเป็นรัฐมนตรี
“ทวี” ลับดาบรอเชือด "เขากระโดง - ฮั้ว สว."
พรรคหลักพรรคที่ 3 ที่จะแสดงบทบาทในศึกแถลงนโยบายรอบนี้ คือ พรรคประชาชาติ
- นำทีมโดย พันตำรวจเเอก ทวี สอดส่อง หัวหน้าพรรค และอดีต รมว.ยุติธรรม
- ประเด็นที่จะหยิบมาอภิปราย คือ คดีฮั้ว สว. และกรณีที่ดินเขากระโดง
- วันโหวตเลือกนายกฯอนุทิน พันตำรวจเอก ทวี เคยอภิปรายเรื่องนี้อย่างรุนแรงมาแล้ว และโดน สส.พรรคภูมิใจไทยประท้วงขัดจังหวะถี่ยิบ
- ประเด็นที่คาดว่าจะนำมาแฉเพิ่มเติมในศึกอภิปรายนโยบายรัฐบาล คือ
หนึ่ง การแทรกแซงพนักงานสอบสวนดีเอสไอ เพราะกระบวนการเรียกสอบพยาน 1,200 ปาก ในคดี “อั้งยี่ ฟอกเงิน ฮั้ว สว.” ถูกเลื่อนออกไปไม่มีกำหนด โดย “กลุ่ม สว.สำรอง” ออกมาร้องเรียนว่า มี “มือที่มองไม่เห็น” เข้าไปแทรกแซงสั่งการ
สอง กรณีที่ดินเขากระโดง ก็กำลังมีกระบวนการกดดันข้าราชการที่เกี่ยวข้อง
ภูมิใจไทยตั้งองครักษ์ จักหนัก-โต้กลับ!
- แต่ทั้ง 2 เรื่องนี้ ต้องลุ้นว่า พันตำรวจเอกทวี จะโดนอภิปรายตอบโต้หรือไม่ โดยมีข่าวว่า สส.ภูมิใจไทย เตรียมข้อมูลตอบโต้เอาไว้แบบนี้
หนึ่ง ใครกันแน่ที่แทรกแซงดีเอสไอ เพราะ พันตำรวจเอก ทวี มีคดีในศาลรัฐธรรมนูญ และถูกศาลสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวในส่วนของการกำกับดูแลดีเอสไอ ในส่วนที่เกี่ยวกับคดีฮั้ว สว.
สอง กรณีที่ดินเขากระโดง “บิ๊กมหาดไทย” ฝ่ายข้าราชการประจำ ได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวแล้วว่าพร้อมปฏิบัติตามคำพิพากษาศาล แต่ขอให้ศาลพิพากษามาเป็นรายแปลง พิพากษาแปลงไหนมา กรมที่ดินพร้อมเพิกถอนทันที เหมือนกับ 35 แปลงที่เคยมีคำพิพากษาศาลฎีกาแล้ว
ขณะเดียวกันคดีนี้ การรถไฟฯ ก็ยื่นฟ้องศาลปกครองอยู่ จึงควรรอผลคดี ซี่งศาลจะชี้ว่า คำสั่งของอธิบดีกรมที่ดินที่ให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวน ตามมาตรา 61 และสุดท้ายสรุปผลว่า ไม่เพิกถอนโฉนดที่ดินเขากระโดง ถูกต้องตามกฎหมายแล้วหรือไม่
สาม ทั้งคดีฮั้ว สว. และกรณีเขากระโดง พรรคเพื่อไทยมีอำนาจเต็มในการดำเนินการอยู่ช่วงหนึ่ง แต่กลับทำอะไรไม่ได้
- เข้าไปเป็น รมว.มหาดไทย 2 เดือน แต่กลับเพิกถอนโฉนดเขากระโดงไม่ได้ ทั้งๆ ที่เคยประกาศว่า “วันเดียวจบ”
- คณะกรรมการคดีพิเศษ มีมติตั้งแต่ 6 มีนาคม หรือ 6 เดือนมาแล้ว ให้รับ “คดีอั้งยี่ ฟอกเงิน ฮั้ว สว.” เป็นคดีพิเศษ แต่ตลอดมากลับออกหมายจับ หรือแจ้งข้อหาใครไม่ได้เลยแม้แต่คนเดียว ทั้งๆ ที่อ้างว่ามีหลักฐานชัดเจน
ฝ่ายค้านไร้เอกภาพ - เพื่อไทยสวมบท “ฝ่ายแค้น”
การอภิปรายนโยบายรัฐบาลรอบนี้ มีแนวโน้ม ลักลั่น และสะท้อนปัญหาของพรรคร่วมฝ่ายค้านเองมากกว่า
1.พรรคฝ่ายค้านไม่มีเอกภาพ เนื่องจากเพื่อไทยไม่ยอมร่วมเป็น “วิปฝ่ายค้าน”
2.เสียง สส.ฝ่ายค้าน รวมกันเกือบ 300 เสียง แต่กลับไม่มีเอกภาพ ทำให้ล้มรัฐบาลยาก พรรคภูมิใจไทยสบาย
3.พรรคเพื่อไทยแสดงท่าทีจ้องถล่ม และโจมตีพรรคประชาชนมากกว่าพรรคภูมิใจไทยเสียอีก เหมือนสวมบท “ฝ่ายแค้น” ที่พรรคประชาชนไม่ยอมสนับสนุนแคนดิเดตของพรรคเพื่อไทย
4.ทั้ง 3 พรรค อาจต้องเผชิญปัญหา “ขว้างงูไม่พ้นคอ” เพราะ
พรรคประชาชน - โหวตหนุนคุณอนุทิน ทำให้เกิดรัฐบาลภูมิใจไทยขึ้นมาเอง แล้วจะพูดอะไรได้
พรรคเพื่อไทย - เพิ่งเป็นรัฐบาลมาหมาดๆ แก้ปัญหาล้มเหลวหลายเรื่อง แล้วจะมีความชอบธรรมใดๆ ไปถล่มพรรคภูมิใจไทย
พรรคประชาชาติและเพื่อไทย - เพิ่งมีอำนาจเต็ม แต่ทำอะไรคดีฮั้ว สว. และคดีเขากระโดงไม่ได้เลย