อส.แฉ ม็อบกัมพูชาปาแก๊สน้ำตากลับใส่ จนท.ไทย ระดม 3 กองร้อยรับมือ

18 กันยายน 2568 การขยายพื้นที่สถานการณ์พิพาท บริเวณชายเเดนไทย-กัมพูชา อ.โคกสูง จ.สระเเก้ว จากชายเเดนจากบ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น หลักเขตเเดนที่ 46-47 ล่าสุด ชาวกัมพูชา ย้ายจุดป่วนยั่วยุ มาที่หนองหญ้าเเก้ว ต.โคกสูง หลักเขตเเดนที่42-43 ซึ่งเป็นดินเเดนอธิปไตยของเเผ่นดินไทย ที่ถูกม็อบชาวกัมพูชารุกล้ำ ปลูกที่พักอาศัยเข้าอยู่ มา40 ปี โดยบ้านหนองหญ้าเเก้ว มีพื้นที่ที่ถูกรุกล้ำอธิไปตย อีกกว่า 100 ไร่ มีบ้านเรือนที่บุก 35 หลังคาเรือน ที่จะต้องผลักดันออกไป

 

ซึ่งวันนี้ฝั่งของกำลังพลของไทย ยังคงเตรียมเจ้าหน้าที่ ตำรวจควบคุมฝูงชน เเละ อาสาฝ่ายปกครอง ในการควบคุมสถานการณ์ที่บ้านหนองหญ้าแก้ว ซึ่งเป็นกำลังหลัก มีการเพิ่มกำลังตำรวจควบคุมฝูงชน 3 กองร้อย 340 นาย จากจังหวัดปราจีนบุรี เเละ จังหวัดฉะเชิงเทรา

 

พล.ต.ต.ถาวร ดุลยวิทย์ ผบก.ภ.จว.สระแก้ว (ผบก.ภ.จว.สระแก้ว) นำเจ้าหน้าที่ชุดควบคุมฝูงชน จากจังหวัดฉะเชิงเทรา จังหวัดปราจีนบุรี ประมาณ 3 กองร้อย เพื่อซักซ้อมความพร้อม สำหรับการควบคุมฝูงชน แจกจ่ายอุปกรณ์ สำหรับการควบคุมฝูงชนครบทุกนาย

 

ด้าน พล.ต.ต.ฐิตวัฒน์ สุริยฉาย รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 (รองผบช.ภ.2) เปิดเผยว่า วันนี้ตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว ประสานขอกำลังเจ้าหน้าที่ชุดควบคุมฝูงชนจากจ.ปราจีนบุรี และจ.ฉะเชิงเทรา เพื่อเสริมกำลังกับเจ้าหน้าที่ชุดควบคุมฝูงชนของ ตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว เพื่อดำเนินการควบคุมสถานการณ์ให้อยู่ในความสงบ และสามารถวางแนวลวดหนามได้ ตามนโยบายไม่ให้ชาวกัมพูชารุกล้ำอธิปไตยของไทยได้ต่อไป

ขณะที่สถานการณ์ตั้งเเต่ช่วงเช้า ฝั่งชาวบ้านเปรยจัน ตำบลโอเบยเจือน อำเภอโอจะโรว จังหวัดบันเตียเมียนเจย ยังคงมารวมตัวกันเป็นวันที่ 3 หลังจากพยายามเข้าขัดขวาง การวางเเนวลวดหนามจากทหารไทย ที่ทำไว้เพื่อป้องกันตนเอง จนเกิดความวุ่นวายจนต้องใช้มาตรการจากเบาไปหาหนักเมื่อวาน

 

 

จากการติดตามความเคลื่อนไหวชาวบ้าน  พบว่ามี อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังชาวกัมพูชาเข้าไปสำรวจ เเละ คุยกับชาวบ้าน ยังคงเห็นภาพการรื้อลวดหนาม เเละ เข้าไปพูดคุยกับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากการการถูกกระสุนยาง วันนี้ชาวบ้านยังได้ระดมอุปกรณ์ป้องกันภัย หน้ากากจำนวนมากเข้ามาเตรียมพร้อม ขณะที่หน่วยงานด้านความมั่นคงประเมินว่า  ชาวบ้านบางส่วนนอกจากชาวบ้านเปรยจาน มีการเกณฑ์ ชาวบ้านนอกพื้นที่ ใช้ทหารปลอมเป็นพระ

 

ขณะที่ นายอูม เรยไตย ผู้ว่าราชการจังหวัดบันเตียเมียนเจย หลังพาคณะ IOT ลงพื้นที่เมื่อคืนที่ผ่านมา เเละเช้านี้พบว่า นายอุม เรยไตร มาปรากฏตัวในช่วงเที่ยงเเละยื่นข้อเรียกร้อง ขอให้ทางฝั่งไทย คงสถานะเดิม

ไว้ ไม่ขยายขอบเขตของปัญหา หรือ คัดค้านรอผลการพิจารณาของคณะกรรมการชายแดน ร่วมกัมพูชา-ไทย เเละขอให้ประชาชนกัมพูชากลับเข้าบ้านได้ เเละต้องนำลวดหนาม ผ้าใบ ยางรถยนต์ออกจากที่ล้อมไว้ ให้รอการตัดสินใจ ของคณะกรรมการชายแดนร่วมกัมพูชา-ไทย ปฏิบัติตามบันทึกความเข้าใจ MOU 43 อย่างเคร่งครัด

 

ขอให้ฝ่ายไทยงดเว้นกิจกรรม การวางลวดหนามเพิ่ม การออกหนังสือแสดงกรรมสิทธิ์ การทำลายบ้านเรือน และ ทรัพย์สินกัมพูชา

 

 

ขณะที่ตั้งแต่ เวลา 13.00 น.  ชาวกัมพูชา เริ่มทยอยมารวมตัวกันที่บริเวณบ้านเปรยจาน ต่างนำรถมาจอดภายในหมู่บ้าน เเสดงให้เห็นได้ชัดว่า นอกจากชาวบ้าน 35 หลังคาเรือน ที่ปลูกบ้านรุกล้ำ อยู่ในดินเเดนประเทศเกินเส้นเขตเเดนสีน้ำเงินที่ฝั่งไทยอ้างสิทธิ์  ยังมีชาวกัมพูชาที่ถูกเกณฑ์มา เเละ ว่าจ้างให้มาชุมนุม   ซึ่งเเหล่งข่าวทหารให้ข้อมูลว่า นาย อุม เรียไตย ผู้ว่าราชการจังหวัดบันเตียนเมียนเจย เป็นผู้ระดมมา

 

ขณะเดียวกันพบว่าวันนี้ ชาวบ้านเปรยจาน ยังได้นำผ้าใบ มาสร้างเพลิงเต็นท์ ในพื้นที่บริเวณจุดที่ชุมนุม รองรับการชุมนุม เเละ เป็นจุดให้ปฐมพยาบาล เเจกอุปกรณ์กันเเก๊สน้ำตา ที่ระดมกันมาตั้งเเต่เมื่อคืน

 

ขณะที่เจ้าหน้าที่ชุดควบคุมฝูงชน เข้าตรึงกำลังเตรียมความพร้อม เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย จนกระทั่งเวลา  14:55 น. สถานการณ์ ยังปกติ  ขณะเดียวกันจากการตรวจสอบของหน่วยความมั่นคง พบว่า มีชาวกัมพูชาที่มารวมตัวกันมากกว่า 200 คน เเละมากกว่าเมื่อวาน

 

 

นอกจากนี้ช่วงบ่ายที่ผ่านมา พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รอง ผบ ตร. พล.ต.เบญจพล เดชาติวงศ์ ณ อยุธยา ผบ.กกล.บูรพา พล.ต.ต.ฐิตรัตน์ สุริยฉาย รองผบช.ภ.2 พ.อ.ชัยณรงค์ กาสี ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจอรัญประเทศ กองกำลังบูรพา พ.ต.อ.ณภัทรพงศ์ สุภาภรณ์ ผกก.ตม.สระแก้ว พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม ณ ที่ว่าการอำเภอโคกสูง จ.สระแก้ว เพื่อประเมินสถานการณ์การรับมือมอบกัมพูชาที่มารวมตัวกันตั้งเเต่ช่วงสาย

 

ขณะที่ฝ่ายความมั่นคงเข้าร่วมหารือ ถึงแนวทางการปกป้องอธิปไตยของไทย โดย นายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รองผบ.ตร. ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจอรัญประเทศ ผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสระแก้ว กรมป่าไม้  เข้าร่วมประชุม เพื่อขับเคลื่อนตามเเผนการที่วางมาตรการไว้  ในการบังคับใช้กฏหมาย หลังนำป้ายไปติดประกาศเพื่อให้ออกจากพื้นที่บุกรุกอธิปไตยของไทย

 

ขณะเดียวกันทีมข่าวได้พูดคุยกับชาวบ้านหนองหญ้าเเก้ว ที่มารวมตัวกันเพื่อเป็นเเนวหลัง ให้กับตำรวจ ทหาร ทำอาหารเเจกจ่ายให้ชาวบ้าน  ชาวบ้านบอกว่า คิดก่อนหน้านี้เเล้วว่ากัมพูชา จะต้องขยายพื้นที่มาที่หนองหญ้าเเก้ว เมื่อคืนนอนไม่หลับ ต้องคอยเฝ้าระวัง เเต่อย่างไรก็ตาม เราต้องอยู่กับกัมพูชาให้ได้

 

 

ส่วนกรณีชาวกัมพูชาที่บุกรุก มันเกิดมาทีหลัง คงไม่รู้หรอกว่า ที่ดินที่อยู่เป็นดินเเดนของใคร เจ็บใจที่ชาวกัมพูชา มาเอาลวดหนามของเราไปขาย เพราะประชาชนรวมเงินกันบริจาคมา สำหรับความสัมพันธ์กับชาวกัมพูชาหลังจากนี้ คงไม่คบค้าชาวกัมพูชาอีกเเล้วตลอดชีวิต เพราะไม่มีชาวกัมพูชาเราก็อยู่ได้ ชาวกัมพูชามีกินมีใช้  มีทองใส่ ก็เพราะหากินในบ้านเรา

 

ขณะที่ชาวบ้านอีกราย เปิดเผยว่า เห็นด้วยกับเสนาธิการทหาร กองทัพภาคที่ 1 ที่จะดำเนินการเด็ดขาด กับชาวกัมพูชาที่รุกล้ำอธิปไตย จับดำเนินคดี เชื่อว่า ถ้าไม่มีจัดการให้เด็ดขาด ไม่มีวันจบ อยากให้มาสอบถามชาวบ้านชายเเดนได้เลยไม่ได้กลัว อยากให้จัดการเด็ดขาดให้มันจบ จะได้ทำมาหากิน ทำไร่ ทำนา ตอนนี้นาข้าวยังคาราคาซังไม่ได้หว่านปุ๋ย ตอนนี้มันเหมือนหยอกเด็ก ทำให้กัมพูชามันยิ่งฮึกเหิมได้ใจ

 

รวมทั้ง ทีมข่าวยังได้พูดคุยกับ อาสาฝ่ายปกครอง กระทรวงมหาดไทย ที่เข้าไปปฏิบัติหน้าที่พร้อมกับ ตำรวจ คฝ.วานนี้ เปิดเผยถึงเเก๊สน้ำตาว่า บางครั้งโยนเเก๊สน้ำตาไป เเล้วกัมพูชามันจับโยนกลับมา ก็ทำให้เจ้าหน้าที่ของเราโดนเเก๊สน้ำตา ซึ่งวานนี้หลายคนไม่ได้เตรียมตัว เตรียมผ้า เตรียมน้ำกันเข้าไป จึงทำให้เเสบคอ เเสบจมูก ร้อนไปถึงหน้าอก รวมถึงอาสาทหารพรานหญิงที่เข้าไปร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ ที่ถือทุ่มเท เเละ สุดยอดมากๆ