
16 กันยายน 2568 ที่พรรคประชาชน นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวถึงผลการเลือกตั้งซ่อมจังหวัดเชียงราย ที่พรรคประชาชนแพ้พรรคเพื่อไทย สวนผลสำรวจจากโพลว่า เรามีการวิเคราะห์มาโดยตลอด และน้อมรับในเสียงของประชาชนที่มอบให้ ไม่อยากโทษว่าเป็นปัจจัยใดปัจจัยหนึ่ง แต่เชื่อมั่นว่าการเลือกตั้งใหญ่ครั้งหน้า ที่ประชาชนจะเล็งเห็นว่า คะแนนเสียงเขาจะส่งผลต่อการจัดตั้งรัฐบาล และจะเป็นสิ่งที่ทำให้คนออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งมากขึ้น
"ส่วนผลการเลือกตั้งซ่อมที่ผ่านมา ผมน้อมรับและต้องยอมรับตามข้อเท็จจริงว่า เป็นการเลือกตั้งซ่อมที่แคนดิเดตทั้งสองคนอยู่ในฝ่ายค้าน ประชาชนอาจรู้สึกว่า เลือกไปอาจจะอยู่ได้ในรัฐบาลเฉพาะกิจเฉพาะกาล ที่อยู่ไป 4 เดือนก็ยุบสภาหรือไม่ หรือไม่ได้เลือกในฝ่ายรัฐบาล และไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงหรือเปล่า ก็ต้องวิเคราะห์กันต่อไป แต่ทั้งนี้ยังเชื่อมั่นในเรื่องความนิยมของพรรคอยู่ว่า ในการเลือกตั้งครั้งหน้าจะส่งผลให้พรรคประชาชน เดินหน้าไปเป็นฝ่ายบริหารได้ ซึ่งก็อยู่ที่ความไว้วางใจของประชาชน
เมื่อถามว่า ขณะนี้พรรคประชาชนเตรียมยุทธศาสตร์ เดินหน้าสู่การเลือกตั้งอย่างไรบ้าง นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า จากเสียงสะท้อนของประชาชนเห็นว่า อยากได้รัฐมนตรีที่มีความรู้ความสามารถในแต่ละภาคส่วน ที่อยู่นอกฝั่งการเมือง ยืนยันว่าพรรคประชาชนมีความพร้อม ในการเปิดโฉมหน้าคณะรัฐมนตรีชุดถัดไป ถ้าได้รับความไว้วางใจให้เข้ามาบริหารประเทศ ยืนยันว่าแต่ละคนเป็นผู้ได้รับการยอมรับในแต่ละวงการแน่นอน และคณะรัฐมนตรีจะมีทั้งคนในและคนนอก
พร้อมที่จะเป็นคณะรัฐมนตรีที่ดีที่สุดในการบริหารประเทศ แต่ขณะนี้ยังไม่ได้เข้าสู่การเลือกตั้งอย่างเต็มตัว จึงยังไม่สามารถเอ่ยชื่อได้ ส่วนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีตอนนี้ ก็คงหนีไม่พ้นตน แต่ยืนยันว่าครั้งนี้ส่งแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีมากกว่า 1 คนแน่นอน แต่ขอยังไม่บอกว่าใคร
เมื่อถามว่า มองอย่างไรที่ในนิตยสารไทม์ มีการวิเคราะห์เปรียบเทียบระหว่าง นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า และ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ว่า ตกเป็นเป้าโจมตีง่ายกว่านายณัฐพงษ์ ซึ่งอาจทำให้ไปสู่เป้าหมายการเลือกตั้งได้น้อยกว่านั้น นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เป็นสิ่งที่แต่ละคนสะท้อนมา แต่ส่วนตัวเชื่อว่า ตนมีความตั้งใจที่จะอาสาเข้ามาแก้ปัญหาที่สำคัญให้กับประเทศ นอกจากเรื่องผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในเรื่องปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง เรื่องต่อต้านการทุจริต จะทำอย่างไรเมื่อเข้าสู่อำนาจแล้ว จะพร้อมลงโทษคนทำผิด และยุติวัฒนธรรมการพ้นผิดรอยนวล เชื่อว่าประชาชนทุกกลุ่ม ที่เคยเลือกพรรคการเมืองใด ล้วนอยากเห็นประเทศไทยเดินไปในทิศทางนี้ และให้คำมั่นต่อประชาชนทุกคนได้ว่า นี่คือเจตจำนงและเป้าหมายของพรรคประชาชน
ส่วนถ้าหากได้เป็นนายกรัฐมนตรี จะไม่มีคนมาร้องใช่หรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า จะมีคนมาร้องหรือไม่มาร้อง เป็นปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ แต่ส่วนตัวคงไม่ได้เอาปัจจัยนี้มาเป็นปัจจัยหลัก ในการตัดสินใจว่า จะทำอะไรให้เสียต่อหลักการ หรือจุดยืนของตัวเอง ยืนยันว่าตนและพรรคประชาชน ยังรักษาในหลักการและจุดยืนเดิม เพียงแต่วิธีการสื่อสารต่อประชาชนอาจมีการปรับเปลี่ยนไป