5 สัญญาณชีพ ที่ทำให้พรรคเพื่อไทยฟื้น ชีพจรกลับมาเต้นแรง

ผลการเลือกตั้งซ่อม สส.เชียงราย เขต 7 เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา ผลปรากฎว่า นายสง่า พรมเมือง จากพรรคเพื่อไทย กวาดคะแนนไปได้อย่างถล่มทลาย 45,615 คะแนน ขณะที่นายสุทัศน์ ยาละ จากพรรคประชาชน ได้ไป 19,862 คะแนน สะท้อนนัยสำคัญของสัญญาณชีพพรรคเพื่อไทย

 

5 สัญญาณดี เพื่อไทยไม่ตาย!

 

1.เอาตัวรอดเลือกตั้งซ่อม เชียงราย เขต 7 ที่แม้จะเป็นแค่เลือกตั้งซ่อม และเป็นการรักษาพื้นที่ฐานเสียงเดิมของเพื่อไทยอยู่แล้ว(เขตเลือกตั้งเดิมของ คุณพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน อดีตรองประธานสภาฯ คนที่ 2 ซึ่งฐานเสียงแน่นหนา) แต่ผลที่ออกมา ก็ทำให้เพื่อไทยไม่เสียรังวัดไปมากกว่านี้ แต่ผลที่ออกมา ก็ทำให้เพื่อไทยไม่เสียรังวัดไปมากกว่านี้ เป็นข่าวดีท่ามกลาง 2 สัปดาห์ของข่าวร้าย ตั้งแต่ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้ แพทองธาร ชินวัตร พ้นจากเก้าอี้นายกฯ พร้อม ครม.ยกแผง และ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองส่ง ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เข้าเรือนจำ 1 ปี

 

โดย คะแนนที่ได้มาในการเลือกตั้งซ่อม สส.เชียงราย เขต 7 ถือว่าอยู่ในระดับมาตรฐาน และมากกว่าที่เคยทำได้ในการเลือกตั้งปี 66 ด้วยซ้ำ  (ปี 66 คุณพิเชษฐ์ได้ 31,588 คะแนน / ผู้สมัครก้าวไกลได้ 25,889 คะแนน) พรรคประชาชนไม่สามารถช่วงชิงความได้เปรียบจากกระแสเพลี่ยงพล้ำทางการเมืองของพรรคเพื่อไทยได้ หรือไม่แนว่า พรรคสีส้ม บาดเจ็บจากดีลการเมืองกับพรรคสีน้ำเงิน

 

 2.พลิกวิกฤต “นายใหญ่เข้าเรือนจำ” เป็นโอกาสในการสร้าง ”วีรบุรุษประชาธิปไตย“ เป็นนายกฯคนแรกที่ยอมเดินเข้าเรือนจำด้วยตัวเอง มีกระบวนการเชิดชู “นายใหญ่” อย่างเป็นระบบ ตั้งแต่วาทกรรมวีรบุรุษประชาธิปไตย  สุภาพบุรุษการเมือง  กล้ายอมรับความจริง และรับผิดแม้ตัวเองเป็นผู้ถูกกระทำ

 

มีการส่งต่อการขับเคลื่อนวาทกรรม จากระดับแกนนำพรรค (คุณภูมิธรรม + คุณประเสริฐ) ลงมาถึงระดับ สส. เช่น คุณขัตติยา สวัสดิผล มีมวลชนคนเสื้อแดงรับลูก มีกองทัพไซเบอร์ช่วยขยายผลในออนไลน์ ข่าวในเรือนจำของอดีตนายกฯ ชิงพื้นที่สื่อได้อย่างต่อเนื่อง เหมือนเป็นคู่ต่อสู้ของนายกฯปัจจุบัน คือ คุณอนุทิน แม้ตัวอดีตนายกฯจะสิ้นอิสรภาพ

 

ศัตรูการเมืองเคลื่อนไหวยาก โจมตีต่อไปยาก โดยเฉพาะในแง่วาทกรรม เพราะต้องระวังไม่ให้สังคมมองว่าเป็นการซ้ำเติมอดีตนายกฯ ซึ่งยอมรับผิด ยอมติดคุก ยอมรับโทษไปแล้ว

 

 3. “ชินวัตร” ไม่ทิ้งพรรค แสดงออกผ่านอดีตนายกฯทักษิณ อดีตนายกฯแพทองธาร และ “นายหญิงบ้านจันทร์ส่องหล้า” ในการขับเคลื่อนบริหารพรรคสู้ศึกเลือกตั้งต่อไป 

 

จังหวะการครองพื้นที่สื่อ รักษาพื้นที่สื่อของอดีตนายกฯแพทองธาร แสดงท่าทีต่างๆ บ่อยกว่าตอนเป็นนายกฯเสียอีก คนในครอบครัวทำกิจกรรมร่วมกันถี่เป็นพิเศษ ใช้นายทักษิณเป็นศูนย์กลาง ทำให้เกิดกระแสความสนใจของสังคม และบางส่วนเห็นใจ ยกโทษ ให้อภัย

 

 4. หยุดเลือดไหลออก ไม่เสียหายหนักเท่าที่คาดการณ์ การที่ สง่า พรมเมือง คว้าชัยในการเลือกตั้งซ่อม สส.เชียงราย เขต 7 ทำให้สัญญาณชีพพรรคเพื่อไทยกลับมาอีกครั้ง สร้างขวัญและกำลังใจให้กับ สส.ในพรรค ได้ระดับหนึ่ง สส.เพื่อไทยที่คิดจะไขก๊อก ลาออก ทิ้งพรรค ต้องคิดใหม่ รวมถึงถูกล็อบบี้จากผู้ใหญ่ในพรรค และระยะเวลา 4 เดือน ยังมีความไม่แน่นอนทางการเมืองอีกหลายประการ ทำให้หลายคนรอดูทิศทางลมให้แน่นอนอีกครั้ง

 

 5. เปิดเกมบุกทางการเมืองแบบไม่มีพัก ทวงคะแนนฝ่ายประชาธิปไตยด้วยการเดินหน้าแก้ รธน.อย่างคึกคัก เร่งฟื้นภาพพรรคประชาธิปไตย ในกระแสที่พรรคประชาชนไปหนุนพรรคภูมิใจไทย หัวขบวนอนุรักษ์นิยมใหม่ เป็นรัฐบาล รวมทั้งเดินเกมนิติสงคราม ใช้นักกฎหมายนอกพรรค ช่วยยกร่างคำร้องสอยพรรคประชาชน ภูมิใจไทย และถอดถอนนายกฯอนุทิน ชาญวีรกูล

 

ด้านไฮไลท์ การเมืองสัปดาห์นี้

 

 - "สว.สีขาว“ เรียกร้องสภาสูง แสดงจุดยืนเกี่ยวกับการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

 

 - จับตาการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ครม.อนุทิน

 

 - ฝ่ายค้าน/พรรคประชาชนลับดาบรอเชือด รัฐมนตรีใหม่ “สายล่อฟ้า” 

 

 - เตรียมการแถลงนโยบายของรัฐบาล “หนู 1”

 

 - 3 พรรคการเมืองเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256

 

 - เพื่อไทยเตรียมยื่นคำร้องสอยพรรคประชาชน พรรคภูมิใจไทย และนายกฯอนุทิน