
10 กันยายน 2568 ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กรมสรรพสามิต ตำรวจภูธรจังหวัดสระบุรี และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงผลการตรวจยึดบุหรี่ไฟฟ้า กว่า 500,000 ชิ้น มูลค่ากว่า 90 ล้านบาท
สืบเนื่องจากตำรวจไซเบอร์ร่วมกับเจ้าหน้าที่กรมสรรพสามิตร่วมกันสืบสวนขยายผลการลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าในพื้นที่กรุงเทพฯ จนพบเบาะแสการลักลอบจำหน่ายให้แก่เยาวชนในพื้นที่จังหวัดสระบุรี และพื้นที่ใกล้เคียง จึงร่วมกันสืบสวนกระทั่งทราบว่าคนร้ายจะใช้รถกระบะตู้ทึบขนบุหรี่ไฟฟ้าไปพักคอยที่โกดังแห่งหนึ่งในพื้นที่อำเภอวิหารแดง จังหวัดสระบุรี เพื่อรอส่งให้ลูกค้า
จึงเฝ้าสะกดรอยและประสานตำรวจภูธรจังหวัดสระบุรีวางกำลังปิดล้อมตรวจค้น แต่ปรากฏว่าผู้ที่อยู่ในโกดัง รวมทั้งคนขับรถไหวตัวทันวิ่งหลบหนีไปตามเส้นทางที่คาดว่ามีการเตรียมไว้ล่วงหน้าแล้ว
ตำรวจจึงเข้าตรวจค้นโกดังดังกล่าว พบของกลางบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์บุหรี่ไฟฟ้ารวมกว่า 500,000 ชิ้น จึงนำของกลางทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน สภ.วิหารแดง เพื่อดำเนินการตามกฎหมายและขยายผลไปยังผู้เกี่ยวข้องต่อไป
นายสุเมธ ฤทธิ์เจริญ ผู้อำนวยการสำนักตรวจสอบป้องกันและปราบปราม และเจ้าหน้าที่ชุดสายตรวจที่ 4.2 สำนักตรวจสอบป้องกันและปราบปราม กรมสรรพสามิต คาดว่าการลักลอบนำบุหรี่ไฟฟ้าล็อตนี้เข้ามา เป็นการทยอยลักลอบปะปนมากับสินค้าที่นำเข้าทางเรือจากต่างประเทศโดยการสำแดงเท็จ เพราะมีการนำเข้ามาจากหลายแหล่งเพื่อนำมาพักไว้ในโกดัง
ส่วนด้านการสืบสวน พล.ต.ต.ธรรมนูญ เชาวะวนิชย์ ผบก.ตำรวจภูธรจังหวัดสระบุรี บอกว่า ขณะนี้ทราบตัวบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งกระบวนการแล้ว ตั้งแต่รถยนต์ที่ใช้ในการขนส่ง คู่สัญญาในการเช่าโกดัง ผู้โอนเงินค่าเช่า ต้นทางส่งสินค้า และปลายทางซึ่งเชื่อว่าน่าจะเป็นเจ้าของ โดยอยู่ระหว่างการดำเนินการเพื่อออกหมายจับ รวมทั้งจะมีการตรวจสอบหาสารเสพติดในบุหรี่ไฟฟ้าล็อตดังกล่าวเพิ่มเติมด้วย หากพบก็จะดำเนินการตามกฏหมายที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมต่อไป
ขณะที่ พล.ต.ท.ไตรรงค์ บอกว่า การปฏิบัติงานครั้งนี้เป็นการบูรณาการร่วมกันระหว่างกรมสรรพสามิต ตำรวจภูธรจังหวัดสระบุรี และตำรวจไซเบอร์ ซึ่งเป้าหมายการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าส่วนใหญ่จะเป็นเด็กและเยาวชน โดยเฉพาะผู้ที่อายุต่ำกว่า 18 ปี ซึ่งอยู่วัยเรียน จึงอยากเตือนว่าบุหรี่ไฟฟ้ามีโทษมากมายที่จะก่อให้เกิดโรคร้ายแรงหลายโรคตามข้อมูลทางการแพทย์
รวมทั้งอยากฝากไปยังผู้ที่ยังรักลอบจำหน่าย และนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้า รวมทั้งอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องด้วยว่า จะมีความผิดตามกฏหมาย พ.ร.บ.ศุลกากร ซึ่งเป็นคดีความผิดมูลฐานฟอกเงิน ซึ่งตำรวจไซเบอร์จะร่วมกับตำรวจภูธรจังหวัดสระบุรี ตำรวจภูธรภาค 1 ในการขยายผลไปยังผู้เกี่ยวข้องตามกฎหมายต่อไป
เรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการเอาผิดกับผู้กระทำผิดอย่างถึงที่สุด
ทั้งนี้ นายวัชรพงศ์ คูวิจิตรสุวรรณ สส.พรรคภูมิใจไทย ในฐานะรองประธานกรรมาธิการการปกครอง และประธานอนุกรรมาธิการการจัดระเบียบสังคม สภาผู้แทนราษฎร ออกมาเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการเอาผิดกับผู้กระทำผิดอย่างถึงที่สุด
นายวัชรพงศ์ กล่าวว่า การลักลอบนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้าในลักษณะนี้ถือเป็น ภัยสังคมร้ายแรง ที่ก่อให้เกิดความเสียหายทั้งด้านเศรษฐกิจและสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะเยาวชนที่ตกเป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญ จึงจำเป็นต้องเร่งติดตามจับกุมเครือข่ายผู้อยู่เบื้องหลังมาลงโทษโดยเร็ว เพื่อเป็นบรรทัดฐานของสังคม
“แม้จะมีผู้ร่วมขบวนการไหวตัวทันและหลบหนีระหว่างปฏิบัติการ แต่ขอเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติการทุกฝ่าย เดินหน้าสืบสวนขยายผลอย่างจริงจัง เพื่อให้สามารถจับกุมตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษได้ทั้งหมด หากพบว่าเชื่อมโยงไปถึงใครก็ต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาด ไม่ละเว้น เพื่อให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่ผู้ที่คิดจะฝ่าฝืนกฎหมาย” นายวัชรพงศ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับการบุกจับครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้รับเบาะแสว่ามีการลักลอบขนสินค้าผิดกฎหมายจากท่าเรือคลองเตย กทม. เข้ามาพักไว้ที่โกดังดังกล่าว จึงวางแผนปิดล้อมตรวจค้น
ต่อมา นายชัยณรงค์ คูวิจิตรสุวรรณ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 4 ตำบลบ้านลำ อำเภอวิหารแดง จังหวัดสระบุรี พร้อมเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบบุหรี่ไฟฟ้าของกลางที่ตรวจยึดได้ที่ หมู่ 4 ต.บ้านลำ อ.วิหารแดง จ.สระบุรี พร้อมบุหรี่ไฟฟ้า 120 ลัง แต่กลุ่มผู้ต้องสงสัยไหวตัวทันและหลบหนีไป
เบื้องต้นพบว่า ผู้เช่าโกดังเป็นหญิงอายุ 26 ปี ซึ่งแจ้งกับเจ้าของว่าจะใช้พื้นที่เก็บครีมเพื่อขายทางออนไลน์ ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะตรวจยึดของกลางทั้งหมด และใช้รถบรรทุก 6 ล้อหลายคันลำเลียงไปเก็บรักษาไว้ที่หอประชุมอำเภอวิหารแดง เพื่อดำเนินการสอบสวนขยายผลและติดตามเครือข่ายผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ดูคลิป