
"อะไรที่บ้านจันทร์ส่องหล้าเคยทำ -ครูใหญ่ บุรีรัมย์ไม่ทำ แต่จะทำใหญ่กว่า!?! 4 เดือนบนความท้าทายของสร.1คนที่ 32เเละหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยที่ฟอร์มครม.เพื่อสะสมแต้มหวังพรรคอันดับสองในการเลือกตั้งคราวหน้า..."
คอการเมือง ที่ติดตาม ความสัมพันธ์ของคนโตบ้านจันทร์ส่องหล้ากับพรรคสีเเดง เเละครูใหญ่ อีสานใต้ค่ายสีน้ำเงินต่างรับรู้ดีถึงจังหวะก้าวการเมืองของบุคคลทั้งสองชนิดไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่
.. เพราะสองคนนี้เคยเป็นเจ้านาย/ลูกน้องกันมาก่อนในปี2548-2551 ก่อนที่จะสะบั้นกันไปหลายปีเเละเชื่อมรอยร้าวได้ในปี2566 ก่อนตัดไมตรีอีกครั้งเมื่อครม.เเพทองธาร ชินวัตร ขอเก้าอี้มท.1ของอนุทิน ชาญวีรกูลคืน โดยทักษิณ ชินวัตร คอมเมนท์การทำงานพรรคสีน้ำเงินที่ดูเเลกระทรวงคลองหลอดเละเทะ...จนเสี่ยหนูนำทีมลาออกจากรัฐนาวาลำนั้นเเละคว้าชัยในการหักอดีตเจ้านายคว้า311สส.หนุนให้ขึ้นเป็นสร.1คนที่32!?!
การตั้งครม.อนุทิน ในครั้งนี้ คือ ชัยชนะจากค่ายสีน้ำเงินที่มีเหนือค่ายสีแดง เเละย้อนศรอีกครั้งเหมือนปลายปี 2551 ที่สส.พรรคพลังประชาชน 23 คนกลุ่มเพื่อนเนวินย้ายไปหนุนอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ค่ายสีฟ้า ขึ้นเก้าอี้สร.1
จนเกิดวาทกรรม “มันจบเเล้วครับนาย” อันลื่อลั่นที่"ทักษิณ ชินวัตร" ไม่เคยลืมเเละมันคือจุดกำเนิดพรรคภูมิใจไทยในวันนี้
"ดังนั้น ครูใหญ่ เซาะกราวจึงถอดบทเรียนครม.จันทร์ส่องหล้า มาปรับใช้กับครม.สีน้ำเงิน.แบบอะไรที่เป็นจุดบกพร่องเเละเสี่ยงโดนถล่มเเบบค่ายสีแดงคราวก่อน ในครั้งนี้ครม.ค่ายน้ำเงินเลือกจะไม่ทำตาม"
เห็นได้ว่า ทันทีที่อนุทินได้รับมติให้เป็นนายกฯ อนุทินเริ่มต้นฟอร์ม ครม. เสี่ยหนู1 อย่างเปิดเผย โดยใช้ที่ทำการพรรคสีน้ำเงิน ย่านม.เกษตรศาสตร์ บางเขน ให้สื่อมาเกาะติด ด้วยการเชิญคนนั้นคนนี้มาหารือพร้อมออกมาบอกอย่างตรงไปตรงมาว่าคนที่มานั่งชนแก้วกาเเฟ/กินเค้กส้ม ล้วนเป็นว่าที่รมต.
วางสูตร ครม.ขนมชั้น
ไม่เพียงเท่านั้น หากแต่การเชิญคนนอกที่เป็นเทคโนเเครตหลายสาขามาเยือนพรรคในชุดแรก โดยบุคคลที่มีภาพลักษณ์เป็นที่ยอมรับทางสังคมทั้งในและต่างประเทศ เช่น สีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว อดีตปลัดกระทรวงการต่างประเทศ อดีตเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงลอนดอน และอดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (ว่าที่รมว.ต่างประเทศ) /เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง (ว่าที่รทว.คลัง)/อรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) (ว่าที่รมว.พลังงาน) เเละชุดที่สองคือ วรภัค ธันยาวงษ์ อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงไทย (ว่าที่รมช.คลัง)
หรือแม้แต่ การทาบทาม ศ.เกียรติคุณ บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ให้มารับตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรี ศ.เกียรติคุณ บวรศักดิ์ จัดเป็นมือกฎหมายชั้นเซียน ซึ่งเป็นที่รู้จักตั้งแต่การร่วมร่างรัฐธรรมนูญ สมัยคสช. โดยครั้งนั้น มี อจ.มีชัย ฤชุพันธุ์ อจ.วิษณุ เครืองาม และ บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ซึ่งอจ.บวรศักดิ์ มีส่วนร่วมในคณะกรรมการปฏิรูปประเทศหลายชุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฐานะประธานคณะกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับปี พ.ศ. 2558 การได้รับทาบทามมาเป็นรองนายกฯ ด้านกฎหมาย จึงคาดหมายได้ว่า จะได้ช่วยดูเรื่องการแก้ไขรธน. ตามพันธะสัญญา ที่พรรคภูมิใจไทย ร่วมทำไว้กับ พรรคประชาชน
การทาบทามบุคคลนอก ที่มีชื่อเสียง เป็นที่ยอมรับด้านความสามารถสาขาต่างๆ มาเป็น รัฐมนตรี ด้วยการปล่อยภาพนำออกมาสู่สายตาประชาชน หากจะเปรียบการจัดวางครม.อนุทิน ไม่ต่างกับ ครม.ขนมชั้น ที่ชั้นบนจะมีสีสันต์สวยงาม น่ารับประทาน เรียกความมั่นใจได้ระดับหนึ่ง แทนที่สังคมเพ่งเล็งไปที่โควต้าพรรคการเมือง นายทุนพรรค
เมื่อพิจารณา บุคคลระดับเทคโนเเครตที่ "อนุทิน" เชิญมาให้สื่อมวลชนได้พบทั้งสองวัน เเปลว่า "อนุทิน" เเละ "เนวิน ชิดชอบ" วางหมากสร้างกระเเสว่าครม.สี่เดือนนี้ คือความหวังเเละไม่ใช่ครม.ฝ่ายการเมืองเพียวๆ
ประการสำคัญคือย้อนศร การฟอร์ม ครม.ของเสมียนประเทศทุกดอก...
อย่าลืมว่า การฟอร์มครม.ในแต่ละยุคสมัย สังคมจะมองภาพแรก คือการจัดสรรโควต้าให้แต่ละพรรคการเมือง มีการคาดการณ์รอลุ้นว่า บ้านใหญ่ /นายทุนพรรคจะมานั่งตำแหน่งไหน มากกว่าการจับตาคนนอก/เทคโนเเครตที่มีความรู้ความสามารถ
ดังนั้นการเปิดตัวครม.คนนอกในรัฐบาลอนุทิน จึงเป็นภาพตรงกันข้ามรัฐบาลแพทองธาร หรือแม้แต่ ครม.เศรษฐา ทวีสินที่กระทำแบบซ่อนเงื่อนเเละนโยบายรัฐบาลไม่ตรงปก/มีเงื่อนงำ
การให้ข้อมูลนโยบายครม.เสี่ยหนู1 เช่นการฟื้นนโยบายคนละครึ่งขึ้นมาเป็นการโยนหินถามทางก่อนแถลงนโยบายต่อรัฐสภา เพื่อให้สังคมเกิดการถกเถียงในเชิงเปรียบเทียบกับนโยบายรัฐบาลแพทองธาร กรณีแจกเงินดิจิทัล1หมื่นบาทหลายเวอร์ชั่นจนกลายเป็นนโยบายไม่ตรงปก
การย้อนศรเเละปรับเกมเเนวนี้ซึ่งเป็นงานถนัดทางการเมืองของครูใหญ่เซาะกราวที่หวังชิงแต้มคืนแบบไม่ปล่อยให้พรรคเพื่อไทยตั้งตัวคืนชีพได้เเละอะไรที่พรรคเพื่อไทยทำไม่สำเร็จ /ล้มเหลวถึงเวลา ที่พรรคภูมิใจไทยพร้อมฝังกลบ สร้างภาพเปรียบเทียบในสิ่งที่ดีกว่า
ขณะเดียวกัน ครม.เสี่ยหนู1 ถูกออกแบบไว้ไม่ต่างกับยุคสมัยรัฐบาลอานันท์ ปันยารชุน (สองครั้งคือ ยุครสช.เเละยุคหลังเลือกตั้ง 2535 ) โดย อานันท์เข้ามา บริหารประเทศในข่วงรสช.ยึดอำนาจ มีการดึงเทคโนเเครตมาคานกลุ่มทหารในกระทรวงหลักๆ ของครม.อานันท์1 (คณะที่47)
เช่น เสนาะ อูนากูล /มีชัย ฤชุพันธุ์ /พลตำรวจเอกเภา สารสิน เป็นรองนายกฯ สุธี สิงห์เสน่ห์ เป็นรมว.คลัง อาสา สารสิน เป็นรมว.ต่างประเทศ อาณัติ อาภาภิรม เป็นรมว.เกษตรฯ นุกูล ประจวบเหมาะ เป็นรมว.คมนาคม อมเรศ ศิลาอ่อน เป็นรมว.พาณิชย์ สิปนนท์ เกตุทัต เป็นรมว.อุตสาหกรรม เป็นต้น
ต่อมา ครม.อานันท์2 (คณะที่49) ที่เข้าเพื่อภารกิจพิเศษ คือ "ยุบสภา" หลังเกิดวิกฤตการเมืองรุนแรงในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ อานันท์ถูกเชิญมาเป็นนายกฯและสรรหาคนนอกที่สังคมให้การยอมรับมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีเพียง26คน เเละหลายคนมาจากครท.อานันท์1 เช่น
1. พลตำรวจเอก เภา สารสิน เป็นรองนายกรัฐมนตรี
2. นายเกษม สุวรรณกุล เป็นรองนายกรัฐมนตรี
3. หม่อมราชวงศ์เกษมสโมสร เกษมศรี เป็นรองนายกรัฐมนตรี
4. นายมีชัย วีระไวทยะ เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
5. นางสายสุรี จุติกุล เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
6. พลเอก บรรจบ บุนนาค เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
7. นายพนัส สิมะเสถียร เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
8. นายอาสา สารสิน เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
9. นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
10. นายอำพล เสนาณรงค์ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
11. นายนุกูล ประจวบเหมาะ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
12. หม่อมหลวงเชิงชาญ กำภู เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม
13. นายอมเรศ ศิลาอ่อน เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
14.หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์
15. พลตำรวจเอก เภา สารสิน เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
16. นายเจริญจิตต์ ณ สงขลา เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย
17. นายเอนก สิทธิประศาสน์ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย
18. นายวิเชียร วัฒนคุณ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
19. นายไพจิตร เอื้อทวีกุล เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม
20. นายกอปร กฤตยากีรณ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม
21. นายก่อ สวัสดิ์พาณิชย์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
22. นายสมชัย วุฑฒิปรีชา เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
23. นายไพโรจน์ นิงสานนท์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
24. นายสิปปนนท์ เกตุทัต เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
25. นายวีระ สุสังกรกาญจน์ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
26. นายเกษม สุวรรณกุล เป็นรัฐมนตรีว่าการทบวงมหาวิทยาลัย
แม้มีสิ่งที่ครม.เสี่ยหนู1 เหมือนกันกับ ครม.อานันท์ 2 คือ เข้ามาทำภารกิจเพื่อยุบสภาแต่อาจแตกต่างบ้าง เพราะ ครม.อนุทิน1นั้นโครงสร้างรัฐบาล มาจากการรวมเสียงพิศดารในระบบสภาผู้เเทนฯ(พรรคฝ่ายค้าน เช่น พรรคประชาชน 143สส.ลงคะเเนนให้/งูเห่าสีเเดง9ชีวิต/งูเห่าสีฟ้าสี่ชีวิต)เเละเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย...การจัดเก้าอี้รมต.จึงต้องยึดโยงกับโควต้าพรรคการเมืองที่เข้ามาร่วมหนุนอนุทินเป็นนายกฯคนใหม่อย่างปฏิเสธมิได้
เเต่ข้อบวกที่ครม.เสี่ยหนู1 หักปากกาเซียน. สร้างคะเเนนบวกคือดึงคนนอก/เทคโนเเครตมาร่วมงานเเล้วหลายคนในตำเเหน่งหลัก ตรงนี้เสียงยี้ที่เคยร้องใส่เนวิน ชิดชอบเมื่อสามสิบกว่าปีก่อนกลับเป็นเสียงปรบมือเเละส่งผลให้วันข้างหน้าพรรคสีนัำเงิยจะขยับตัวเลข68สส.ในวันนี้ขึ้นเป็นพรรคอันดับสองเเละลุ้นตั้งครม.เสี่ยหนู2 อีกคราวก็เป็นได้ หากผลงานเข้าเป้าในสี่เดือนนี้