svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

เช็กจังหวะการเมือง “เสี่ยหนู” ขึ้นเเท่น สร.1 ค่ายเเดงรอสางเเค้น

เช็กจังหวะการเมือง “เสี่ยหนู” ขึ้นเเท่น สร.1 ค่ายเเดงหวังสางเเค้น ยื่นซักฟอกทันที เเต่..ตัวเลข สส.บอกอะไร!?

โดย : กระบี่เดียวดาย เนชั่นทีวีออนไลน์

6 กันยายน 2568 “ไม่มีหรอกรัฐบาลเสียงข้างน้อย สักพักก็จะกลายเป็นเสียงข้างมาก" นี่เป็นคำให้สัมภาษณ์ของ อาจารย์วิษณุ เครืองาม เมื่อเดือน พ.ค.2566

คราวนี้ เราจะนำกล่าวของท่านอาจารย์วิษณุ มาเทียบเคียบกับสถานการณ์ทางการเมืองนับจากนี้ต่อไป

วิษณุ เครืองาม

อย่างที่ทราบกัน จบลงเเล้วขั้นต้นกับเหตุระทึกการเมือง การลุ้นผลนายกรัฐมนตรี หรือ  “สร.1” คนที่32 หลัง “เเพทองธาร ชินวัตร” พ้นหน้าที่ สร. 1 คนที่31ไปเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2568  ข่าวสารการจับขั้วการเมืองเเละเงื่อนไขต่างๆ ที่มี 3 พรรคคือ ประชาชน , เพื่อไทย , ภูมิใจไทย เป็นตัวเเปรหลัก โดยสองพรรคต้องเเตะมือเป็นหนึ่งก๊ก ร่วมไล่บี้อีกหนึ่งพรรคให้จนกระดาน เพื่อตั้งรัฐบาล 4เดือน...กระพือเเละขยับหลากมุม โดยฝ่ายที่นิ่งตั้งรับทุกภาวะคือ “พรรคสีน้ำเงิน”   

ส่วนพรรคสีส้มเล่นบทพระเอกจอมหลักการ เเละพรรคที่ออกเเรงสุด หลากเงื่อนไขรายวันเเต่เจ็บตัวสุดในคราวนี้คือ “ค่ายสีเเดง“

เเน่นอนว่า 3 พรรคนี้ ต่างมีบาดเเผลกันทั้งนั้น ทำนองว่า เเตะตรงไหน เจ็บตรงนั้น เเต่หากพูดกันตรงๆ คราวนี้พรรคสีเเดงบอบช้ำสุดๆ เพราะนโยบายหาเสียงไม่ตรงปก นโยบายใหม่ผุดคลอดเเบบสังคมไม่ยอมรับ การกลับบ้านแบบเท่ๆ ของคุณทักษิณ ที่มีผลกระทบค่ายสีเเดงเต็มๆ ตระบัดส้ตย์ในการสลับขั้วตั้งรัฐบาล ดึงเกมเเก้รัฐธรรมนูญ เเละล่าสุดกับสิ่งที่ “ภูมิธรรม เวชยชัย” ปฏิบัติหน้าที่เเทนนายกฯ ลั่นวาจาไม่กี่วันที่ผ่านมาว่า “ประชาธิปไตยบิดเบี้ยว” หลังรู้เเกวเเล้วว่า พรรคสีส้มผนึกค่ายสีน้ำเงิน!?!

พูดตรงๆ คราวนี้ พรรคสีเเดงยึกยัก เล่นตุกติกพอสมควร เเบบเปลี่ยนเงื่อนไขรายวันคล้ายเป็นผู้ควบคุมเกม ทั้งๆ ที่ความจริงมิใช่เเบบนั้นเลย...โดยเฉพาะการชิงทูลเกล้าฯยุบสภา ที่ทำให้เครดิตพรรคสีเเดงร่วงกราว...

หากไล่อ่านการเปิดเงื่อนไข ชิงเหลี่ยมการเมืองงวดนี้ พรรคสีส้มเเตะมือพรรคสีน้ำเงินเฉพาะกิจ เพื่อล้อมกรอบพรรคสีเเดงในทุกมิติ เเม้พรรคสีส้มจะขี่คอพรรคสีน้ำเงินบน MOA  (บันทึกข้อตกลง Memorandum Of Agreement) ที่ 2หัวหน้าพรรคลงนามต่อหน้าสื่อมวลชนไปเเล้ว เเต่ทั้งสองพรรครู้ดีว่า เวลา 4เดือนนั้น อาจต้องขยายไปอีกขั้นต่ำ 2เดือนจึงจะยุบสภาได้ ดังนั้น เกมนี้ทั้ง 2พรรคย่อมทราบดีลลับนี้กันเเล้ว...

เช็กจังหวะการเมือง “เสี่ยหนู” ขึ้นเเท่น สร.1 ค่ายเเดงรอสางเเค้น

เหตุการณ์วันที่ 5 กันยายน 2568 ยุติเเล้ว เมื่อสภาผู้เเทนราษฎรลงมติให้ “อนุทิน ชาญวีรกูล” เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ หลังจากหัวค่ำวันที่ 4 กันยายน 2568 สังคมตื่นตัวกับข่าว “ทักษิณ ชินวัตร” บินไปดูไบไปพบเเพทย์เเละเพื่อน ก่อนจะบอกว่ากลับเมืองไทย วันที่ 8 กันยายน เพื่อไปศาลใน วันที่ 9 กันยายน 2568 ในคดีชั้น14 รพ.ตำรวจ เเน่นอน

ภาวะของทักษิณ ในหัวค่ำวันที่ 4 กันยายนนั้น ทำให้หลายคนในค่ายสีเเดงหัวใจร่วง..เพราะคือสัญญาณขาลงทางการเมืองในคราวนี้ เเละส่อเเววในงวดหน้าด้วย กำเเพงเหล็กค่ายสีเเดงที่วางไว้ตั้งเเต่หลังเลือกตั้ง สส. 6 มกราคม 2544 นั้นทลายลงโดยฉับพลันในช่วงที่หัวหน้าพรรคเพื่อไทย คนที่ 8 ซึ่งทำหน้าที่ประมุขฝ่ายบริหารนำทัพ...ผนวกกับการที่คุณทักษิณ เหินฟ้าไปดูไบคราวนี้นั้น

ดุลอำนาจที่ขั้วสีเเดงกุมไว้ หมดความขลังเเล้วร้อยละ99 ศัพท์เเสงทางการเมืองที่กูรูหลายคนชี้เเล้วว่า เวลาของเธอหมดเเล้ว เเละชี้เป้าว่าเลือกตั้ง สส.400 เขต งวดหน้า พรรคสีเเดงจะร่วงจากอันดับ 1 เเละ 2 เเน่นอน ตัวเลขที่เคยเเตะเพดาน 377 สส. เมื่อปี 2548 น่าจะเหลือหลักสิบในการหย่อนบัตรงวดหน้า... เพราะจังหวะของทักษิณเเละเเพทองธาร ชินวัตรในคราวนี้

หากพินิจคะเเนนโหวต สร.1 คราวนี้จะพบว่า 331 สส.ที่เทให้อนุทินนั้น

เเม้จะหัก 143 เสียงของพรรคประชาชนออกไปจากสมการ เเละพรรคสีน้ำเงินที่ออกตัวว่ายึด 146 สส.เป็นคะเเนนหลัก เเต่คะเเนนที่เกินมากว่า 20 สส.นั้น เเละน่าจะทยอยเพิ่มในวันข้างหน้าจากขั้วฝ่ายค้านหน้าใหม่หมายความว่า เป็นตัวเลข สส.ที่เเปรผันจาก ครม.เเพทองธาร

ตัวเลขที่พรรคสีเเดงถือไว้ 152 สส.ที่เทให้ “ชัยเกษม นิติสิริ” นั้น  พบว่า สส.ใน พท.เทให้เเคนดิเดตเบอร์3ของพรรค เพียง 128 คะเเนน เพราะมี 9 สส.ที่ผ่าไฟเเดง เลี้ยวเทใจให้เสี่ยหนูในงวดนี้

เช็กจังหวะการเมือง “เสี่ยหนู” ขึ้นเเท่น สร.1 ค่ายเเดงรอสางเเค้น

ถอดนัยได้ว่าพรรคสีเเดงไม่อาจคุมเกมรั้งเสียง สส.ในพรรคของตัวเอง พรรคร่วมรัฐบาลเดิมไว้ได้ครบทุกเเต้ม (เเม้ 8 สส.พรรคประชาชาติ 10 สส.พรรคชาติไทยพัฒนา ยังคงเป็นพันธมิตรที่ไม่เเตกเเถวจาก พท.ก็ตาม ) สัญญาณเเบบนี้ชี้ทิศทางขาลงเเบบหมดราคาสำหรับค่ายสีเเดง

เเม้หัวหน้าพรรค พท. โพสต์ประกาศเเล้วว่า พรรคสีเเดงพร้อมทำหน้าที่ฝ่ายค้าน 100% นั้น สังคมรู้เเล้วว่า ภารกิจเเรกที่ พท.จองกฐิน “เสี่ยหนู” (ไม่นับการร้องเรียนเสี่ยหนูต่อองค์กรอิสระของค่ายสีเเดง) หลังการเเถลงนโยบายรัฐบาลนั้นคือ

เช็กจังหวะการเมือง “เสี่ยหนู” ขึ้นเเท่น สร.1 ค่ายเเดงรอสางเเค้น

การอภิปรายไม่ไว้วางใจ ครม.กับหลากข้อกล่าวหา...เเต่หากย้อนไปตั้งเเต่วันที่ 22 สิงหาคม 2566 (พรรคสีเเดงเป็นเเกนนำตั้ง ครม.เศรษฐา ทวีสิน เเละเชิญพรรคสีน้ำเงินมาร่วม ครม.) 19 มิถุนายน 2568 (พรรค ภท.ลาออกจากการร่วมรัฐบาลหลังค่ายสีเเดงเเสดงเจตนายึดกระทรวงมหาดไทยมาดูเเลเอง)นั้น  พรรคสีเเดงอ่านเกมพรรคสึน้ำเงินไม่ออกเชียวหรือ...ว่าต้องการอะไรบ้าง เเละยามนี้เมื่อสิ้นไมตรีกันเเล้ว เเละ พท.พบสัจธรรมว่าการเมืองไม่มีมิตรเเท้ ศัตรูถาวรนั้น เป็นเช่นใด

เอาเข้าจริงๆ 146 สส.ที่ “เสี่ยหนู” อ้างอิงไว้ในขั้นต้น  หากเทียบกับ 128+10+8 สส.คือ 144 สส.ที่เทเเต้มให้ "ชัยเกษม" นั้น หากนำสองตัวเลขนี้มาหักกลบลบหนี้กัน "เสี่ยหนู" ก็ยังชนะสองเสียง เเละหากพินิจตัวเลขของ สส.หลากมุ้ง หลายพรรคที่ซุ่มเงียบมาหลายวัน เเละกระจ่างในบ่ายวันที่ 5 กันยายน ว่า 311คะเเนนนั้น ใคร,พรรคใด,มุ้งไหน ใช้เอกสิทธิ สส.เเหวกมติพรรค,การดีลลับ,การอ่านสัญญาณการเมืองได้บ้างว่า สถานการณ์ตอนนี้ เเละอนาคต สส.ควรขึ้นเรือลำสีเเดงต่อ หรือย้ายไปขึ้นเรือสีน้ำเงินเเทนเพื่อโอกาสในวันหน้า

เช็กจังหวะการเมือง “เสี่ยหนู” ขึ้นเเท่น สร.1 ค่ายเเดงรอสางเเค้น

เกมนี้สำหรับพรรคสีเเดงน่าจะต้องปรับกระบวนยุทธ์ครั้งใหญ่เเละควรหรือไม่ที่เงาของ "ชินวัตรเเฟมิลี่" จะยังสถิตย์อยู่กับพรรคนี้ราวสมบัติของตระกูล...

สมาชิกพรรคสีเเดงน่าจะพินิจกันได้