svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

“ภราดร” ฉะ “รองประธานสภาฯ” เอื้อ "เพื่อไทย" อ้าง 2 ปมยื้อโหวตนายกฯ

“ภราดร” ฉะ “ฉลาด รองประธานสภาฯ” เอื้อพรรคเพื่อไทย อ้าง 2 ปมยื้อโหวตนายกฯ – หวัง “วันนอร์” ปฏิบัติหน้าที่ตรงไปตรงมาบรรจุเลือกนายกฯ 5 ก.ย.นี้

นายภราดร ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย กล่าวภายหลังการแถลงของนายฉลาด ขามช่วง สส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานสภาผู้แทนราษฎร โดยขอให้เป็นอำนาจของนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร กำหนดวันเลือกนายกรัฐมนตรีของสภาผู้แทนราษฎร เนื่องจาก กังวลคำร้องที่ สส.พรรคเพื่อไทย ส่งต่อศาลรัฐธรรมนูญ รวมถึงกรณีที่ฝ่ายบริหาร ได้ทูลเกล้าฯ ร่างพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎรว่า ตนขอตำหนิการทำหน้าที่ของนายฉลาด ทั้งที่ได้ปฏิญาณตนไว้ว่า จะทำหน้าที่ด้วยความเป็นกลาง แต่ในที่ประชุม กลับเข้าข้างพรรคการเมืองที่สังกัด และเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พรรคประชาชน ก็ได้แถลงมติของพรรคชัดเจนแล้ว รวมถึงนายอนุทิน ชาญวีรกูล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคฯ ก็ได้ลงนามในข้อตกลงร่วมระหว่างพรรคประชาชนกับพรรคภูมิใจไทย กรณีการเลือกบุคคลไปดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแล้ว พวกตน ในฐานะ สส.ได้ยื่นหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร ตามกติกา และมารยาท เพื่อยันยันเสียง สส.ในการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 5 กันยายนนี้ได้ แต่ในที่ประชุม กลับหยิบยกเรื่องการแต่งตั้งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งที่เรื่องดังกล่าว ก็มีหลักฐานที่ทุกฝ่ายยอมรับตามการประกาศฯ แต่งตั้งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญในราชกิจจานุเบกษาแล้ว จึงไม่ควรเป็นข้อสงสัยอีกต่อไป แต่ สส.พรรคเพื่อไทย ก็ได้เข้าชื่อกัน ขอให้ประธานสภาผู้แทนราษฎร ส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งประธานสภาฯ ก็ได้ส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญแล้ว

รวมถึงยังมีการอ้างกระบวนการศาลรัฐธรรมนูญว่าจะรับวินิจฉัยหรือไม่ จึงเป็นเหตุอ้างว่า ไม่สามารถเลือกนายกรัฐมนตรีในวันที่ 5 กันยายนนี้ได้ รวมถึงยังมีเหตุผลการยุบสภา ที่นายภูมิธรรม เวชยชัย ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี ได้ประกาศต่อสาธารณะ ทั้งที่การประกาศต่อสาธารณะ เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม และไม่บังควร ตามประเพณีไม่เคยมีการประกาศต่อสาธารณชน เพราะเป็นพระราชอำนาจ ทั้งที่ตนเอง ก็ได้ทักท้วงในที่ประชุมฯ ดังกล่าวแล้ว โดยไม่ได้มีการพูดถึงการกำหนดวันเลือกนายกรัฐมนตรีแต่อย่างไร มีเพียงการหารือถึง 2 ประเด็นดังกล่าว

 

นายภราดร ยังเห็นว่า ในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติ ไม่มีหน้าที่จะต้องไปรอคำวินิจฉัยของฝ่ายตุลาการ หรือฝ่ายบริหาร จะมีความเห็นต่อการยุบสภา ก็เป็นอำนาจของฝ่ายบริหาร แต่ฝ่ายนิติบัญญัติ ก็ดำเนินการตามบทบาทหน้าที่ เมื่อนายกรัฐมนตรี มีอันเป็นไป สภาผู้แทนราษฎร ก็จำเป็นจะต้องเลือกนายกรัฐมนตรีโดยด่วน และพรรคภูมิใจไทย ก็ดำเนินการตามขั้นตอน เข้าตามตรอก ออกตามประตู แต่ที่ประชุมฯ กลับไม่มีข้อสรุป และนำข้อเสนอพรรคภูมิใจไทย ที่เสนอลงมติเลือกในวันที่ 5 กันยายน และข้อเสนอของพรรคเพื่อไทย ที่ให้ยืดระยะเวลาไปก่อน ไปแจ้งต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณา จึงขึ้นอยู่กับประธานสภาผู้แทนราษฎรว่า จะให้ความสำคัญกับฝ่ายนิติบัญญัติหรือไม่ ซึ่งปัจจุบัน ก็ยังไม่มีข้อยุติ

ส่วนกรอบเวลาการลงมติเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี ภายในวันที่ 5 กันยายนี้ จะยังทันอยู่หรือไม่นั้น นายภราดร มั่นใจว่า ตามข้อบังคับการประชุม ยังทัน เพราะประธานสภาผู้แทนราษฎร สามารถบรรจุวาระเร่งด่วนได้ภายใน 1 วัน และหวังว่า ประธานสภาผู้แทนราษฎร จะปฏิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ตามรัฐธรรมนูญ ในการเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่โดยเร็ว

 

ส่วนพรรคภูมิใจไทย จะแก้เกมการยื้อลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีอย่างไรต่อไปนั้น นายภราดร ยังเชื่อว่า ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นผู้ใหญ่ และเมื่อการยื่นหนังสือ ประธานสภาผู้แทนราษฎรก็ยืนยันว่า ทำตามรัฐธรรมนูญ และข้อบังคับ จึงเชื่อว่า ประธานสภาผู้แทนราษฎร จะบรรจุระเบียบวาระ เพื่อพิจารณาเลือกนายกรัฐมนตรีในวันศุกร์ที่ 5 กันยายนนี้