svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

สมการนี้ประชาชนอยู่ตรงไหน พรรคเพื่อไทย-พรรคประชาชน-พรรคภูมิใจไทย

สมการจัดตั้งรัฐบาลประชาชนอยู่ตรงไหน พรรคเพื่อไทย-พรรคประชาชน-พรรคภูมิใจไทย สุดท้ายไม่ใช่รัฐบาลเสียงข้างน้อย แต่เป็นคนไทยที่เสียงข้างน้อย

1 กันยายน 2568 คอลัมน์โหมโรง ปกหลัง นสพ.กรุงเทพธุรกิจ โดย ปกรณ์ พึ่งเนตร บรรณาธิการบริหาร เนชั่นทีวี ฉบับวันจันทร์ที่ 1 ก.ย.68 นำเสนอบทความเรื่อง ไม่ใช่ “รัฐบาลเสียงข้างน้อย” “คนไทย”สิ เสียงข้างน้อย!

 

เห็นบรรดาพรรคการเมืองดิ้นรนดีลขอเสียงจากพรรคประชาชนเพื่อโหวตเป็นนายกรัฐมนตรีและจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่แล้วช่างสะท้อนใจ (อยากใช้คำว่าอเน็จอนาถใจ แต่เกรงใจ)

 

อีกมุมหนึ่งก็เห็นใจที่กลไกการเมืองไทยถูลู่ถูกังมาถึงจุดนี้ได้ คือฝ่ายที่ต้องการเป็น “ผู้ถูกเลือก” ยอมกลืนน้ำลาย ยอมเสียศักดิ์ศรีทุกอย่าง เพียงเพื่อขอมีอำนาจต่อไป หรือยอมรับทุกเงื่อนไขเพื่อแลกกับการได้มีส่วนแชร์อำนาจบ้าง

ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ

 

ขณะที่ฝ่าย “ผู้ที่ต้องเลือก” ก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไม่รู้จะเลือกใคร เพราะเกือบจะไม่มีใครดีกว่าใคร เลือกทางไหนก็ถูกด่า ครั้นจะไม่เลือกก็ถูกด่าเหมือนกัน

 

ที่สำคัญการที่ตัวเองเนื้อหอมอยู่ในขณะนี้ ก็ไม่ใช่เพราะเขายอมรับในความรู้ความสามารถว่าจะนำพาประเทศได้ แต่ต้องการใช้ ”มือ“ ของพวกตัว ไปเป็น ”เครื่องมือ” ให้พวกเขาได้เสพสุขเสวยอำนาจกันต่อไปเท่านั้น

 

ผมจึงตั้งชื่อบทความนี้ไว้อย่างที่เห็น เพราะแท้ที่จริงแล้ว คนไทยและประเทศไทยต่างหากล่ะ ที่ "เสียงข้างน้อย" ต้องนั่งทนดูพวกท่านแสดงบทรักชาติ อยากแก้ปัญหาประเทศกันจนน้ำลายไหล บางรายถึงขั้นน้ำลายฟูมปาก เมื่อเข้ามามีอำนาจแล้วก็ถีบประชาชนออกไปจากสมการ เป็นแค่ผู้รับผลร้ายจากการกระทำของพวกท่านเหมือนเคย

ในบรรดา 3 ฝ่ายที่เคลื่อนไหวตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยอยู่นี้ ฝั่งรัฐบาลเพื่อไทยดูจะอาการหนักที่สุด สังเกตจากการเล่นบทโหด ทั้งขู่ยุบสภา ทั้งที่ไม่มีอำนาจ ทั้งเย้ยหยันฝ่ายภูมิใจไทยว่าแค่ฝันกลางวัน

 

ทักษิณ ชินวัตร

 

แถมต้องให้อดีตนายกฯทักษิณ ในฐานะ ”นายใหญ่“ ออกโรงเอง ไม่เกรงข้อหาครอบงำกันแล้ว

 

เป้าหมายก็เพื่อบีบพรรคร่วมฯไม่ให้ไหลไปค่ายสีน้ำเงิน และหน่วงโมเมนตัมการเมือง ให้เห็นว่าตัวเองยังเป็นแกนนำรัฐบาลอยู่

 

แต่เมื่อเป้าหมายสูง ก็ต้องเดิมพันสูง กล่าวคือ

 

1.ยุบสภา ทำได้จริงหรือ ถ้าทำได้จริงและพร้อมเลือกตั้งใหม่เหมือนเงื่อนไขที่ยื่นให้พรรคประชาชน ท่านก็ยุบพรุ่งนี้ได้เลย เพราะสถานะของท่านไม่ได้เปลี่ยนเลย เนื่องจากท่านเป็นรัฐบาลรักษาการอยู่แล้ว ท่าทีย้อนแย้งของท่านจึงน่าสงสัยว่า ท่านกล้ายุบสภาจริงหรือไม่ และท่านดิ้นรนไปเพื่ออะไร

 

2.รัฐบาลรักษาการ อำนาจเต็มจริงหรือ เพราะมติ ครม.ในรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยเอง ตอนที่อดีตนายกฯเศรษฐา พ้นจากตำแหน่งเมื่อปีที่แล้ว ก็เขียนอยู่ทนโท่ว่า อำนาจของรัฐบาลรักษาการมีอยู่ ”จำกัดมาก“

 

3.เดิมพันที่แท้จริงของท่านคือ ถ้าหลุดจากอำนาจ ต้องเป็นฝ่ายค้าน ความเสียหายที่จะตามมาหนักหน่วงเกินรับ เพราะกำลังจะเดินหน้าสู่เลือกตั้ง ท่ามกลางความนิยมตกต่ำสุดๆ

 

ท่านเพิ่งแพ้คดีในศาลรัฐธรรมนูญ บอบช้ำหนัก ทำเสื่อมเกียรติภูมิชาติ คลิปเสียงที่คุณอุ๊งอิ๊งคุยกับฮุนเซน จะถูกแจกจ่ายตอนหาเสียงแน่ๆ

 

ท่านอาจเผชิญกระแส สส.ไหลออกหนักมาก โดยเฉพาะ สส.อีสาน ส่วน สส.ภาคอื่นก็ไม่ไหลเข้า

 

ท่านจะเสียพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง เพราะพรรคประชาชาติก็กระทบหนัก

 

4.คดีชั้น 14 วันที่ 9 ก.ย. อาจส่งผลร้ายกว่าที่คิด มนต์ขลังของคุณทักษิณลดลง เพราะเหมือน “ดีลถูกล้ม” ไปแล้ว

 

5.สำคัญที่สุด หากตั้งรัฐบาลเพื่อไทยไม่สำเร็จในสัปดาห์หน้า ต้องรอดูว่าอดีตนายกฯจะลุ้นอยู่ฟังคำสั่งศาลฎีกาฯ 9 ก.ย.นี้หรือไม่

 

อนุทิน ชาญวีรกูล

 

ข้างฝ่าย “ว่าที่รัฐบาลใหม่” อย่าง “ขั้วพรรคภูมิใจไทย” ก็มีเดิมพันใหญ่เรื่องเขากระโดง กับคดีฮั้ว สว. จึงต้องเข้าไปมีอำนาจโดยด่วนเพื่อหยุดปัญหา เหมือนเข้าไปวาง ”แนวกันไฟ“ ไม่ให้ลุกลามมาถึงตัว และไหม้บ้านทั้งหลัง

 

และการเป็นรัฐบาล แม้จะเพียงแค่ 4 เดือน แต่ต่อเนื่องด้วยการเป็น ”รัฐบาลรักษาการ“ ช่วงเลือกตั้ง ย่อมช่วงชิงความได้เปรียบทางการเมืองได้มากกว่าการเป็นฝ่ายค้านแน่ๆ

 

นี่คือเดิมพันที่ภูมิใจไทยต้องเดินเกมเร็ว เพื่อช่วงชิงอำนาจรัฐมาให้ได้

 

แต่ปัญหาของภูมิใจไทยก็คือ คนไทยจำนวนมากยอมรับไม่ได้ ทั้งเรื่องเขากระโดง และคดีฮั้ว สว. เหมือนเป็นชนักปักหลังของภูมิใจไทย ฉะนั้นต้องรอดูว่า ก่อนถึงเวลาประชุมตัดสินใจของพรรคประชาชน ทางภูมิใจไทยจะมีข้อเสนออะไรเกี่ยวกับการจัดการปัญหา 2 เรื่องนี้หรือไม่ เพื่อให้ทั้งพรรคประชาชน และประชาชนคนไทยสบายใจขึ้น

 

นอกจากชนักปักหลัง 2 เรื่องนี้แล้ว ยังมีหน้าตาของคนที่ไปนั่งห้อมล้อมแถลงข่าวกับคุณอนุทิน บางส่วนเป็นคนการเมืองที่สังคมไม่ค่อยไว้วางใจ แถมมีปัญหาแรงๆ กับ สส.พรรคประชาชนอยู่ด้วย โดยเฉพาะ “เสี่ยเฮ้ง“ สุชาติ ชมกลิ่น หรือแม้แต่คนหลังฉากที่ไม่ออกโรงอย่าง ”ผู้กองธรรมนัส“ เองก็ตาม

 

กล่าวเฉพาะเรื่องชนักปักหลัง ต้องบอกว่าทั้งภูมิใจไทยและเพื่อไทย ก็มีบาดแผลพรุนไม่แพ้กัน เพราะเพื่อไทยเองก็มีทั้งเรื่องกัมพูชา หากยังตั้งรัฐบาลต่อ ย่อมไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนไปสู่การแก้ไขปัญหา แถมสร้างความอึดอัดใจให้กองทัพต่อไป

 

ยิ่งไปกว่านั้น เพื่อไทยเองก็เคยตระบัดสัตย์พรรคประชาชน สมัยตั้งรัฐบาลกับก้าวไกล , เคยทำปฏิญญามินต์ช็อค กับพรรคภูมิใจไทย ซึ่งตนเองเคยอภิปรายไม่ไว้วางใจคุณศักดิ์สยาม และกรณีเขากระโดงมาก่อน (เรียกว่ารู้ทั้งรู้) แถมยังยอมให้คุมกระทรวงมหาดไทยทันที เมื่อตั้งรัฐบาลคุณเศรษฐาอีกด้วย

 

ทั้งหมดสะท้อนให้เห็นว่า พรรคการเมืองมุ่งผลประโยชน์เฉพาะหน้าของพวกตนเป็นสำคัญ ส่วนผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นเรื่องรอง หรือแทบไม่ได้นึกถึงเลย ยกเว้นตอนต้องนำมาอ้างขอความชอบธรรมต่อสาธารณะ หรือขอมีอำนาจต่อเท่านั้น

 

ข้างฝ่ายพรรคประชาขน ก็อยู่ในสถานะน่าเห็นใจ เลือกพรรคไหนให้ไปเป็นรัฐบาล ก็เคยฝากแผล ฝากรอยเท้าเอาไว้ให้กับบ้านเมืองและพลพรรคสีส้มเองทั้งสิ้น จึงต้องชั่งน้ำหนักให้ดีๆ โดยนำสถานการณ์เฉพาะหน้า 4 เดือนมาเช็คลิสต์อย่างรอบคอบ

 

ส่วนข้อเสนอของบางฝ่ายที่ให้วางเฉย ไม่เลือกใครเลยนั้น ต้องไม่ลืมผลร้ายข้อหนึ่งที่ว่า รัฐบาลเพื่อไทยจะอยู่ต่อไปได้เรื่อยๆ ในฐานะ ”รัฐบาลรักษาการเสียงข้างน้อย“ จะเป็นยิ่งกว่า ”เป็ดง่อย“ คือ อาจจะเป็น ”เป็ดตาย“ ไปเลยด้วยซ้ำ เพราะถึงที่สุดรัฐบาลรักษาการไม่น่าจะเสนอพระราชกฤษฎีกายุบสภาได้แน่

 

ฉะนั้นพรรคประชาชนคงต้องตัดสินใจเลือกทางใดทางหนึ่งที่เลวร้ายน้อยที่สุด เหมือนกับที่ประชาชนคนไทยแทบจะต้องกลั้นหายใจเวลาต้องเข้าคูหากาเลือกใครสักคนมาเป็นผู้แทน หรือเลือกพรรคการเมืองใดสักพรรค มาบริหารประเทศ

 

เพราะพวกเรามันเสียงข้างน้อยตัวจริง ไม่มีสิทธิ์มีเสียงจริงๆ มีความสำคัญแค่ไม่ถึง 5 นาที เวลาลงคะแนนโหวตให้พวกเขาเข้าไปมีอำนาจเท่านั้น!