“ทวี” ย้ำเป้าหมายภารกิจสำคัญของกระทรวงยุติธรรม ทำกฎหมายเสมอภาค

28 สิงหาคม 2568 พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานในการจัดกิจกรรม “กระทรวงยุติธรรมพบสื่อมวลชน : เชื่อมั่น เข้าถึง ที่พึ่งประชาชน” ณ ห้องสนฉัตร อาคารกระทรวงยุติธรรม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกระชับความสัมพันธ์ และสร้างความเข้าใจที่ดีกับสื่อมวลชน ภายในงาน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้ร่วมรับประทานอาหารกลางวันพร้อมกับสื่อมวลชนจากหลากหลายสำนักข่าว โดยมี นางพงษ์สวาท นีละโยธิน ปลัดกระทรวงยุติธรรม, นายวัลลภ นาคบัว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม และโฆษกกระทรวงยุติธรรม และคณะผู้บริหารระดับสูงเข้าร่วมกิจกรรมอย่างพร้อมเพรียง

พันตำรวจเอก ทวี กล่าวขอบคุณสื่อมวลชน และกล่าวถึงเป้าหมายสูงสุดของกระทรวงฯ คือการสร้างความเป็นธรรมทางกฎหมาย และการกระทรวงยุติธรรม จะคำนึงสูงสุดถึงหลักนิติธรรม เราทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมายอย่างเท่าเทียมกัน ทำให้การยกระดับของกระทรวงยุติธรรม เดินทางมาถึงพลวัตร ที่จะถึงในปีนี้และปีหน้า ซึ่ง "กระทรวงยุติธรรมต้องเป็นที่พึ่งแห่งแรกของประชาชน ไม่ใช่ที่พึ่งสุดท้ายของประชาชน" เพื่อไม่ให้ประชาชนต้องทนทุกข์ทรมานกับความไม่ยุติธรรม

ทั้งนี้การเป็นที่พึ่งแห่งแรกของประชาชน ต้องเอาทุกข์ที่ซ้ำแล้วซ้ำอีกมาแก้ไข เป็นเรื่องที่ประชาชนเห็นแล้วไม่ได้ถูกแก้ไข ดังนั้นจึงถึงเวลาที่จะต้องเปิดโปง และกวาดล้างการทุจริตที่เกาะกินประเทศ เราต้องนำความทุกข์ของประชาชนที่ถูกซ่อนไว้ "ประชาชนเหมือนเสียงที่ไม่มีเสียง บางพื้นที่ไม่สามารถออกมาพูดได้ กระทรวงยุติธรรมก็จะเข้าไป"

พันตำรวจเอกทวี ยังกล่าวอีกว่า ตัวเลขกรมราชทัณฑ์กว่า 3 แสนคน แต่มี 9 หมื่นกว่าคนเป็นผู้ต้องขังระหว่าง และกระทรวงยุติธรรมพยายามเสนอ ม.89/1 ขอให้ศาลให้ไปอยู่ที่บ้าน โดยไม่ออกจากบ้านได้หรือไม่กับ คดีที่อยู่ระหว่างรอการพิจารณา เพื่อให้ศาลมีดุลยพินิจ ทั้งนี้เป็นการลดความแออัด
 

“วันนี้กระทรวงยุติธรรมจะไปดูแลเสียงของคนที่มีเสียงแต่ไม่มีเสียง คนยากไร้ คนด้อยโอกาส คนที่ได้รับผลกระทบ เพราะเครื่องมือของกระทรวงยุติธรรมที่สำคัญคือ กองทุนยุติธรรม และจะต้องทำได้ดีขึ้นกว่าเดิม ทั้งการช่วยเหลือเรื่องคดีความ ค่าทนาย การประกัน แต่เรื่องของการละเมิดสิทธิมนุษยชน จะมีการยกระดับช่วยเหลือทางการกฎหมาย เพราะประชาชนอาจจะถูกละเมิดซ้ำแล้วซ้ำอีก โดยเป็นการขับเคลื่อนยุติธรรมชุมชน ให้เข้าไปอยู่ในหมู่บ้านในชุมชนให้ได้"
 

และมองว่า วันนี้ประเทศเดินทางมาถึงวิกฤตเรื่องคน คนทุกข์แรงคือ คนที่อยู่ในเรือนจำ และคนที่ถูกคุมประพฤติส่วนใหญ่ 70-80% เป็นคนหนุ่มสาว และมีคนมีความทุกข์เรื่องหนี้สิน จึงได้มีการเสนอกฎหมายฟื้นฟูบุคคลธรรม และ SME เพราะจะถือเป็นจุดเปลี่ยนของกฎหมายร้อยปี ที่จะมาช่วยแก้หนี้สินได้

“ต่อไปนี้คนเป็นรัฐบาลจะมาบอกแก้หนี้ แต่กฎหมายฉบับนี้ลูกหนี้จะแก้ตัวเองได้”

พันตำรวจเอกทีว ย้ำด้วยว่า
 

“กระทรวงยุติธรรม จะต้องทำให้กฎหมายมีความเสมอภาค และจะทำให้ผู้มีอิทธิพลใหญ่กว่ากฎหมายไม่ได้ กฎหมายต้องเป็นที่พึ่งของประชาชน”