
23 สิงหาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2568 เครือข่าย 19 มหาวิทยาลัยด้านภัยพิบัติ (TNDR) ร่วมกับศูนย์เตรียมความพร้อมป้องกันภัยพิบัติแห่งเอเชีย (ADPC) และได้รับการสนับสนุนจากมูลนิธิร็อคกี้เฟลเลอร์ ได้จัดพิธีเปิดตัวโครงการ "Enhance the Health Resilience of At-risk Communities against Climate Vulnerabilities in Critical Urban Centers of Thailand" หรือ โครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งด้านสุขภาพของชุมชนเมืองที่มีความเสี่ยงต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ภายในงานเปิดตัวโครงการฯได้รับเกียรติจาก รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร รศ.ดร.ทวิดา กมลเวชช ,ดร.พิจิตต รัตตกุล ประธานเครือข่าย 19 มหาวิทยาลัยด้านภัยพิบัติ , ดร.สุทัศน์ วีสกุล ผู้อำนวยการบริหารโครงการฯ , นายอัสลาม เพอร์เวช กรรมการบริหารมูลนิธิTDPF , ดร.พีรนันท์ โตวชิราภรณ์ ผู้อำนวยการมูลนิธิTDPF และอีกหลากหลายหน่วยงานเข้าร่วม
รศ.ดร.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เน้นย้ำถึงศักยภาพของมหาวิทยาลัยไทยที่สามารถพัฒนาองค์ความรู้และงานวิจัยให้เชื่อมโยงสู่การเสริมความเข้มแข็งของเมือง และชี้ให้เห็นข้อมูลจาก "แผนที่ความร้อน" ที่โครงการนำเสนอ พบว่าพื้นที่บริเวณสนามบินดอนเมือง มีค่าความร้อนสูงเด่นชัด ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนว่าต้องเร่งหามาตรการช่วยเหลือและปกป้องชุมชนในพื้นที่ดังกล่าว
ด้านมูลนิธิร็อคกี้เฟลเลอร์ สะท้อนบทเรียนจากการลงพื้นที่ภาคเหนือที่ประสบอุทกภัยรุนแรงต่อเนื่องในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เห็นถึงความจำเป็นที่ประเทศไทยต้องมีโครงการที่เหมาะสมเพื่อเตือนภัยและเตรียมความพร้อมรับมือกับผลกระทบที่กระทบต่อทั้งสุขภาพและชีวิตประชาชนในเมืองใหญ่
ในส่วนของ ดร.สุทัศน์ วีสกุล ผู้อำนวยการบริหารโครงการฯ กล่าวว่า ในส่วนของมหาวิทยาลัยจะช่วยเก็บข้อมูลเบื้องต้น วิเคราะห์ข้อมูลร่วมกับ ADPC a ทั่วกรุงเทพฯ เพื่อที่จะได้ทราบว่าตรงไหนมีอันตรายจากความร้อน หรือ น้ำท่วม มหาวิทยาลัยจะลงไปทำร่วมกับชุมชน ใช้ความคิดของชุมชนเป็นตัวนำ ทางโครงการฯจะนำความคิดไปต่อยอดเป็นนโยบายเพื่อข่วยแก้ปัญหาต่อไป
นายอัสลาม เพอร์เวช Executive Director ศูนย์เตรียมความพร้อมป้องกันภัยพิบัติแห่งเอเชีย (ADPC) กล่าวถึง ความร่วมมือทางวิชาการระหว่างมหาวิทยาลัยและสถาบันวิจัยในเอเชีย ถือเป็นกุญแจสำคัญในการผลิตองค์ความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ที่จะช่วยให้เมืองต่างๆ สามารถปรับตัวและรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ดร.พิจิตต รัตตกุล ประธานเครือข่ายฯ กล่าวถึงความสำคัญของโครงการรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศว่า ปัจจุบันอากาศร้อนมากขึ้นมีผลต่อสุขภาพโดยเฉพาะสุขภาพของคนในเขตเมืองที่มีกลุ่มคนเปราะบาง ผู้สูงอายุ เด็ก ผู้ป่วย ที่จะได้รับผลกระทบมากๆ โดยโครงการจะพัฒนา "แผนที่ความเปราะบางด้านสุขภาพต่อภัยจากโลกร้อน” เป็นเว็บไซต์และแอปพลิเคชั่นที่ใช้งานง่าย เพื่อให้หน่วยงานรัฐและประชาชนเข้าถึงข้อมูลพื้นที่เสี่ยงแบบเรียลไทม์ "โครงการนี้ไม่ใช่แค่แผนที่ แต่เป็นมาตรการช่วยเหลือที่จับต้องได้ พร้อมย้ำว่าผลที่จะได้รับคือการลดความสูญเสียจากภัยพิบัติ เพิ่มประสิทธิภาพการช่วยเหลือ และขยายผลสู่เมืองต่างๆ ทั่วภูมิภาค
สาเหตุเพราะที่ผ่านมาคนในเขตเมืองขาดการเข้าถึงข้อมูลและทรัพยากรจำกัดมากๆ เพราะพื้นที่ของ กทม.อยู่อย่างแออัด เข้าสู่ทรัพยากรได้น้อย ไม่รู้เข้าสู่ข้อมูล
โครงการนี้จะช่วยให้ 1.สร้างองค์ความรู้ให้กับชุมชนเมือง ให้แต่ละชุมชนได้นำความรู้ข้อมูลไปทำแผนปรับตัวต่ออุณหภูมิที่สูงขึ้น โลกร้อน ยืนหยัดสุขภาพเป็นเป้าหมายสำคัญ 2.เราจะทำแผนที่ขึ้นมาในเขตเมืองว่าที่ไหนทำให้เห็น คนเปราะบางควรระวังตรงไหนมากที่สุด 3.จะให้มีการเชื่อมโยงระหว่างหน่วยราชการ กทม. มหาวิทยาลัยและชุมชน เพื่อให้มีแผนรับมือให้ดีที่สุด 4.ทำตัวอย่างต้นแบบในเขต กทม. เสร็จแล้วเราจะขยายไปในเขตเมืองใหญ่ เชียงใหม่ หาดใหญ่ ขอนแก่น เป็นต้น เพราะเมืองใหญ่ๆมีปัญหาทางกลุ่มเปราะบาง เป้าหมาย คือ ขยายไปตามเขตเมืองใหญ่ต่างๆ