
17 สิงหาคม 2568 หากนับตั้งเเต่การมีครม.เเพทองธาร ชินวัตร1/1หลังปรับพรรคภูมิใจไทยออกไป ภาวะเสียงปริ่มน้ำกระเพื่อมทันที เเละลุ้นกันทุกสัปดาห์ จนประธานในที่ ประชุมสภาผู้เเทนราษฎรสั่งปิดประชุมดื้อๆหนีสภาล่มหลายคราวเเล้ว
เเม้ก่อนหน้านี้บางคนในรัฐบาลจะปล่อยข่าวว่า มีงูเห่าเเน่นอนไม่ต่ำกว่าสิบขีวิตพร้อมยกมือให้รัฐบาลในวาระสำคัญๆก็ตาม เเต่เอาเข้าจริงก็ไม่ใช่ว่าจะวางใจได้
(สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรมีการจัดกลุ่มพรรคการเมืองในสภาผู้แทนราษฎรชุดที่ 26 จำนวน 16 พรรคการเมือง (ข้อมูลวันที่ 24 มิ.ย. 2568 )พบว่าฝ่ายรัฐบาลประกอบด้วย 11 พรรค 256 เสียง ประกอบด้วย
1.เพื่อไทย 142 เสียง 2.รวมไทยสร้างชาติ 36 เสียง 3.กล้าธรรม 26 เสียง 4.ประชาธิปัตย์ 25 เสียง 5.ชาติไทยพัฒนา 10 เสียง 6.ประชาชาติ 9 เสียง 7.ชาติพัฒนา 3 เสียง 8.ไทรวมพลัง 2 เสียง 9.เสรีรวมไทย 1 เสียง 10.ประชาธิปไตยใหม่ 1 เสียง 11.ไทยก้าวหน้า 1 เสียง
ฝ่ายค้าน 5 พรรค มี 239 เสียง ประกอบด้วย 1.ประชาชน 143 เสียง 2.ภูมิใจไทย 69 เสียง 3.พลังประชารัฐ 20 เสียง 4.ไทยสร้างไทย 6 เสียง 5.เป็นธรรม 1 เสียง
*ตัวเลขสส.ปัจจุบันคือ495คน เกินกึ่งหนึ่งคือ248คน
**ตัวเลขดังกล่าวของสส.รัฐบาลนั้น มีสส.ที่เป็นรัฐมนตรีรวมอยู่ด้วย
***ตัวเลขข้างต้นยังไม่ได้หักสองสส.พรรคเพื่อไทยคื
ออมรเทพ สมหมาย สส.ศรีษะเกษเเละพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน สส.เชียงราย ซึ่งกกต.สั่งให้มีการเลือก
กตั้งซ่อม)
เเต่เอาเข้าจริงเเล้ว พบว่า
สมัยประชุมสภาผู้เเทนราษฎร ชุดที่26 ปีที่สาม (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 1เริ่มต้นในวันที่ 3 กรกฎาคม และสิ้นสุดในวันที่ 30 ตุลาคม2568) นั้น ประธานในที่ประชุมชิงปิดวาระการประชุมเเทบทุกสัปดาห์ดังนี้
3ก.ค.- 9ก.ค.-17ก.ค.2568ช่วงพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้เเทนฯทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม
6ส.ค. 2568 ช่วงฉลาด ขามช่วง รองประธานสภาผู้เเทนฯทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม
เเละหนึ่งครั้งที่ผ่านเเบบฉิวเฉียดคือ 7ส.ค. 2568 ช่วงฉลาด ขามช่วง รองประธานสภาผู้เเทนฯ เป็นประธานการประชุมในการรับรองรองประธานสภาผู้เเทนฯ (เเทนพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน)โดยมีการนับองค์ประชุมด้วยการขานชื่ มีองค์ประชุม 248 เสียง ซึ่งเกินมา 2 เสียง ถือว่าครบองค์ประชุม ในการรับรองไชยา พรหมา ส.ส.หนองบัวลำภู พรรคเพื่อไทย เป็นรองประธานสภาผู้เเทนฯ
เกมตัวเลขนี้บีบหัวใจรัฐบาลยิ่ง เพราะหลายคราวมีการเสนอนับองค์ประชุม โดยสส.รัฐบาลเเทบไม่ครบองค์ประชุมเเละสส.ฝ่ายค้านไม่เเสดงตน จนเกิดเหตุข้างต้นที่เกียกกายเเละบันทึกไว้ เเปลว่า คะเเนนของรัฐบาลในรัฐสภาปริ่มน้ำยิงเเละควบคุมสส.เเทบไม่ได้เลย
หากไล่เช็กผลการลงมติเห็นชอบร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 วาระสาม ด้วยคะแนน 257 ต่อ 230 เสียง งดออกเสียง 1 เสียงนั้น (องค์ประชุม487คนจาก495คน)ในส่วนคะแนนเห็นชอบ 257 เสียง มาจากเสียงพรรคร่วมรัฐบาล แม้แต่ฉลาด ขามช่วง รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ก็ยังร่วมลงมติเห็นด้วย โดยหนึ่งเสียงที่งดออกเสียงคือไชยา พรหมา ประธานในที่ประชุม
ตัวเลขเดิมซึ่งรัฐบาลมีสส.ในมือคือ256คน เกินกึ่งหนึ่งมาเเปดเสียง เเละงวดล่าสุดนั้นหากพินิจ8สส.ฝ่ายค้านที่หนุนรัฐบาลคราวนี้ พบว่ามีงูเห่าหน้าเก่า 5 คน ได้แก่ กฤษฎิ์ ชีวะธรรมานนท์ ส.ส.ชลบุรี พรรคประชาชน กาญจนา จังหวะ ส.ส.ชัยภูมิ พรรคพลังประชารัฐ
พรรคไทยสร้างไทย ได้แก่ ฐากร ตัณฑสิทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ รำพูล ตันติวณิชชานนท์ ส.ส.อุบลราชธานี สุภาพร สลับศรี ส.ส.ยโสธร
ส่วนงูเห่าหน้าใหม่อีก 3 คน ประกอบด้วย พรรคภูมิใจไทย 1 คน คือ ประภา เฮงไพบูลย์ ส.ส.กาฬสินธุ์ ที่เคยโหวตสวนมติพรรคในร่างพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร (เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์) มาแล้วจนถูกพรรคตั้งคณะกรรมการสอบสวน
พรรคพลังประชารัฐ 2 คน คือ ปริญญา ฤกษ์หร่าย และอนันต์ ผลอำนวย ส.ส.กำแพงเพชร
ขณะที่คะแนนเสียงไม่เห็นด้วย 230 เสียง มาจากพรรคร่วมฝ่ายค้านทั้งหมด
เเปลว่าตัวเลขที่รัฐบาลคุยโวไว้ เอาเข้าจริงก็หนีไม่พ้น256-260เสียงเเละยิ่งเจอชัชวาล อภิรักษ์มั่นคง สส. ขอนแก่น พรรคประชาชน และ วีรนันท์ ฮวดศรี สส. ขอนแก่น พรรคประชาชน เเฉถึงกรณีมีคลิปเสียงสนทนาเมิ่อสองเดือนที่เเล้วเพื่อขอเสนอเงิน 10 ล้านบาท แลกเสียงโหวตร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 และร่าง พ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ (ขณะนั้นรัฐบาลยังไม่ถอนร่างออกไป )โดยไม่จำเป็นต้องย้ายพรรคยิ่งย้ำหัวหมุดว่าคงไม่มีงูเห่ามาเสริมเเกร่งให้อีกเป็นเเน่เเท้
งานนี้พรรคเพื่อไทยเหนื่อยยิ่งกว่าเหนื่อยในการกุมสภาพที่เกียกกาย ดังนั้นเป้าหมายยืนระยะถึงปี2570น่าจะไม่ใช่เเล้วเพราะสัญญาณลับว่าปลายปีนี้/ต้นปีหน้า การหย่อนบัตรเลือกตั้งสส.ทั่วประเทศเกิดเเน่เเละมาเเรงกว่าเยอะ....