
16 สิงหาคม 2568 ศักดา นพสิทธิ์ อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย ในฐานะนักวิเคราะห์การเมือง ประเมินว่า ในวันที่ 21 สิงหาคม 2568 นายกฯแพทองธาร จะเดินทางไปศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อไต่สวนพยานในคดีคลิปเสียงฮุนเซนอย่างแน่นอน
โดยคุณศักดา ได้วิเคราะห์แนวทางการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญว่า หากศาลตัดสินให้นายกฯ พ้นจากตำแหน่ง จะส่งผลให้ ครม. ทั้งคณะพ้นไปด้วย และมีสถานะกลายเป็นรัฐบาลรักษาการ ซึ่งจะเกิดความยุ่งยากทางการเมือง และการบริหารรบ้านเมืองตามมา และมากยิ่งขึ้น
โดยเฉพาะการเลือกและสรรหานายกฯคนใหม่ เป็นเรื่องยุ่งยาก เนื่องจากคะแนนเสียงของแต่ละพรรคไม่เด็ดขาด โดยเฉพาะถ้าพรรคเพื่อไทยไม่ร่วมโหวตสนับสนุนแคนดิเดตจากพรรคการเมืองอื่น ส่วนเงื่อนไขการสนับสนุนแคนดิเดตพรรคอื่นของพรรคประชาชน ก็ต้องเป็นรัฐบาลเฉพาะกาล เพื่อนำไปสู่การยุบสภาเท่านั้น จึงคาดว่าพรรคการเมืองต่างๆ จะไม่เอาด้วย เพราะไม่มีพรรคไหนพร้อมเลือกตั้ง
ฉะนั้นจึงเชื่อว่า จะหานายกฯไม่ได้ในระยะเวลาอันสั้น โดยเฉพาะหากมีความพยายามไม่ใช้บริการแคนดิเดตคนที่ 3 ของพรรคเพื่อไทย และจะส่งผลต่อสถานการณ์ชายแดน ตลอดจนการบริหารบ้านเมืองในภาพรวม
ในทางกลับกัน หากพรรคประชาชนถูกดึงไปเป็นรัฐบาล ภายใต้เงื่อนไขใหม่กับพรรคเพื่อไทย จะเป็นประเด็นปัญหาใหม่ของฝ่ายอนุรักษ์นิยม
ฉะนั้นการตัดสินในทางลบกับนายกฯแพทองธาร จะส่งผลต่อสถานการณ์การเมืองค่อนข้างมาก และเชื่อว่าศาลรัฐธรรมนูญจะหยิบประเด็นเหล่านี้มาพิจารณาและให้น้ำหนักมากพอสมควร
คุณศักดา ยังวิเคราะห์มุมการเมืองว่า อดีตนายกฯทักษิณ พยายามหาข้อมูลทิศทางการตัดสินของศาล และเชื่อมั่นในข้อมูลที่ได้รับมาว่า หากศาลตัดสินในทางลบกับลูกสาว จะเป็นผลเสียมากกว่า และจะเกิดภาวะแทรกซ้อนในทางการเมือง จึงเชื่อว่าสุดท้ายลูกสาวจะได้ไปต่อ
ส่วนการแตกแถวของพรรคร่วมรัฐบาล น่าจะไม่เกิดขึ้น เพราะพรรคร่วมฯ และภูมิใจไทยในฐานะฝ่ายค้าน ไม่มีพรรคใดพร้อมเลือกตั้ง แม้เปลี่ยนตัวนายกฯใหม่ ความเชื่อมั่นทางการเมืองก็ไม่ดีต่อทุกพรรค เว้นแต่พรรคประชาชน แต่ก็เจอกระแสนิยมทหารมากดดันอยู่ด้วยเช่นกัน
แต่หากสถานกาารณ์การเมืองยังเป็นเหมือนวันนี้ และมีการเลือกตั้งในระยะสั้น เชื่อว่าพรรคประชาชนจะได้เสียงเพิ่มขึ้น ถึงขั้นเข้าใกล้ตั้งรัฐบาลได้ ซึ่งจะส่งผลต่อยุทธศาสตร์สกัดพรรคส้มให้ล้มเหลว และแก้ไขยากขึ้น