
5 สิงหาคม 2568 จากกรณีเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน อดีตรองประธานสภา คนที่ 1 กระทำการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ ม.144 วรรค 2 กรณีมีส่วนได้เสียในการจัดงบสภาลงพื้นที่ตัวเอง โดยให้พ้นจาก สส.ทันที เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง 10 ปี
มติที่ประชุม สส.พรรคเพื่อไทย เห็นชอบเสนอ "ไชยา พรหมา" สส.หนองบัวลำภู และ อดีต รมช.เกษตรฯ นั่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 นัดโหวตวันที่ 7 ส.ค.นี้
สำหรับนายไชยา พรหมา เป็น สส.จังหวัดหนองบัวลำภู 9 สมัย ตั้งแต่ปี 2544 เป็นประธานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ และประธานคณะกรรมาธิการการเงิน การคลัง การธนาคารและสถาบันการเงิน
สภาผู้แทนราษฎร
ล่าสุดดำรงตำแหน่ง รมช.เกษตรและสหกรณ์ ในยุคที่นายเศรษฐา ทวีสิน ดำรงตำแหน่งนายกฯ จนได้ฉายามือปราบหมูเถื่อนในยุคนั้น
ทั้งนี้ นายดนุพร ปุณกันต์ โฆษกพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ในการประชุม สส. พรรคเพื่อไทยประจำสัปดาห์วันนี้ ได้พูดคุยการเตรียมความพร้อมสำหรับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 6 - 7 สิงหาคมนี้ โดยเฉพาะการเตรียมองค์ประชุม เนื่องจากมีการพิจารณากฎหมายที่สำคัญในหลายฉบับ ที่จะต้องใช้เสียงในการโหวตลงคะแนน
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้หารือถึงการเสนอชื่อผู้ที่จะเข้าไปดำรงตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 แทนตำแหน่งที่ว่างลง โดยเปิดโอกาสให้สมาชิก ได้พูดคุย และอภิปรายเรื่องนี้อย่างกว้างขวาง ซึ่งในเบื้องต้นมีการเสนอชื่อ 2 คน คือ นายไชยา พรหมา สส. หนองบัวลำภู และ นายแพทย์ ทศพร เสรีรักษ์ สส. แพร่ แต่ท้ายที่สุดสมาชิกได้ลงคะแนนทางลับให้เสนอชื่อ นายไชยา เป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 ซึ่งจะเลือกในสภาวันที่ 7 สิงหาคมนี้
ส่วนกรณีที่พรรคภูมิใจไทย มีมติพร้อมโหวตชื่อรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 ให้ทุกพรรค ยกเว้นพรรคเพื่อไทยนั้น นายดนุพร กล่าวว่า ก่อนหน้านี้นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน เป็น สส. ของพรรคเพื่อไทย และเข้าไปดำรงตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 ในสัดส่วนของพรรคเพื่อไทย ซึ่งพรรคภูมิใจไทย เป็นฝ่ายค้าน จะตัดสินใจอย่างไรก็เป็นเรื่องของพรรคภูมิใจไทย แต่ในส่วนของพรรคกล้าธรรม ที่เคยผิดหวัง ในตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 มาแล้วนั้น วิปรัฐบาลจะไปพูดคุยกันหลังจากนี้ผ่านหัวหน้าพรรค
โฆษกพรรคเพื่อไทย ยังระบุว่า นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และนายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงถึงการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการปะทะที่บริเวณชายแดนไทย - กัมพูชา ซึ่งรัฐบาลได้ทำงานอย่างเต็มที่ แม้พรรคภูมิใจไทยจะมีความห่วงใยประชาชน แต่พรรคเพื่อไทยก็ห่วงใยไม่น้อยกว่าพรรคอื่น แต่การช่วยเหลือเยียวยานั้นต้องใช้เวลา เนื่องจากมีระเบียบ และขั้นตอนของราชการอยู่ ซึ่ง นายภูมิธรรม ได้สั่งการผู้ว่าราชการจังหวัดที่อยู่ติดกับชายแดน ให้ดูแลประชาขนอย่างใกล้ชิด รวมถึงได้ประสานไปยังหน่วยงานของกระทรวงสาธารณสุข ในการส่งหน่วยแพทย์ฉุกเฉิน กรมสุขภาพจิต ไปดูแลประชาชนที่ศูนย์อพยพ พร้อมกันนี้ ได้กำชับ สส. ในจังหวัดที่ได้รับผลกระทบ ลงพื้นที่ไปดูแลประชาชาอย่างใกล้ชิด หากขาดเหลืออะไรให้แจ้งมายังพรรคเพื่อไทย ก่อนประสานไปยังรัฐบาลช่วยเหลือต่อไป และขณะนี้รัฐบาลก็อยู่ระหว่างการพิจารณาช่วยเหลือเยียวยาภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบด้วย
ทั้งนี้ สส. พรรคเพื่อไทย ยังได้ฝากนายภูมิธรรม ให้เร่งใช้กระบวนการเจรจาต่าง ๆ ที่มีอยู่ ทั้งทางทหาร และ กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อทำให้เหตุการชายแดนกลับสู่ภาวะปกติ และให้ประชาชนใช้ชีวิตได้ตามปกติ