
ปีนี้ เก้าอี้กรรมการองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญจะว่างลงหลายองค์กรท่ามกลางกระเเสการเมืองใน/นอกประเทศที่ชุลมุนหลายวาระ เเต่องค์กรอิสระเหล่านี้มีหน้าที่ตามที่กติกาหลักวางบทบาทไว้เเตกต่างกัน...
"สำนักงานป.ป.ช." คือ หน่วยงานที่ป้องกันเเละปราบปรามการทุจริต เเละป.ป.ช.ยุค"สุชาติ ตระกูลเกษมสุข" นั้น ทราบว่า ประธานป.ป.ช.วางบทบาทขององค์กรอิสระนี้ไว้ว่า1 .เร่งรับพิจารณาคำร้อง/การออกเลขรับ/ตั้งทีมไต่สวนเเละชี้มูลให้รวดเร็วขึ้น โดยมีไทม์ไลน์ในการทำงานที่ชัดเจน/เป็นธรรม/ชี้เเจงกับฝ่ายต่างๆได้
2 .คดีตกค้างในสนามบินน้ำกว่า 3,000 คดีในยุค"บิ๊กกุ้ย"นั้น ตอนนี้คดีคงค้างเเละวินิจฉัยเหลือไม่กี่ร้อยสำนวน
3.ปรับโครงสร้างป.ป.ช. ใหม่ทั้งระบบ รวมทั้งเสนอร่างกฎหมาย/ระเบียบใหม่ๆป้องกันเเละปราบปรามการทุจริตให้ทันสมัยรับกับรูปคดีที่เปลี่ยนไปเเทบทุกวัน
4.สลายข้อกล่าวหา"ป.ป.ช.คือเเดนสนธยา" เน้นผลงานเเละเร่งติดตามคดีว่าคืบหน้า/โปร่งใส
5.ไม่ขัดแย้งกับใคร สำนวนต่างๆดำเนินการไปตามข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน โดยป.ป.ช.ยุคนี้ต้องไม่มีคำว่า"คุณขอมา!"
โดยวันที่ 30 กรกฎาคมที่ผ่านมา สังคมรับรู้เเล้วว่า 25 ผู้สมัครเข้ารับการสรรหาเป็นกรรมการสองตำเเหน่ง(เเทนพลตำรวจเอกวัชรพล ประสานราชกิจป.ป.ช.เเละสุวณา สุวรรณจูฑะ ) มีใครเเละผลงานเป็นเช่นใดบ้าง
ขั้นตอนต่อจากนี้คือสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา(ทำหน้าที่เป็นหน่วยธุรการของคณะกรรมการสรรหากรรมการป.ป.ช.)จะส่งรายชื่อผู้สมัครไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้สมัครตามที่กฎหมายกำหนด
และเมื่อได้รับผลการตรวจสอบดังกล่าว คณะกรรมการสรรหาฯ จะพิจารณาวินิจฉัยคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้สมัคร หลังจากนั้นจะเชิญผู้สมัครที่มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามมาแสดงวิสัยทัศน์ในการทำหน้าที่กรรมการป.ป.ช.ต่อคณะกรรมการสรรหาฯ(ที่มีประธานศาลฎีกาเป็นประธานคณะกรรมการสรรหาฯ ) จากนั้นคณะกรรมการสรรหาฯจะส่งรายชื่อผู้สมัครที่ผ่านการสรรหา ให้สว.พิจารณาเเละลงมติว่า“เห็นชอบหรือไม่”
หากไล่เช็กคุณสมบัติ 25 เเคนดิเดตคือ 1. นายขจรเดช เจนวัฒนานนท์ อายุ 62 ปี อธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานภาค 7 (สมัครคุณสมบัติตามมาตรา 9 วรรคสอง (1) แทนทั้ง 2 กรณี)
2. พ.อ.นที ศุกลรัตน์ อายุ 57 ปี อดีตรองประธานกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สมัครคุณสมบัติตามมาตรา 9 วรรคสอง (5) แทนทั้ง 2 กรณี)
3.นายชัยยศ ปัญจบุตรชัย อายุ 66 ปี อดีตอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญามีนบุรี (สมัครคุณสมบัติตามมาตรา 9 วรรคสอง (1) แทนทั้ง 2 กรณี)
4. น.ส.รื่นวดี สุวรรณมงคล อายุ 60 ปี ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี (สมัครคุณสมบัติตามมาตรา 9 วรรคสอง (2) และ (7) แทนทั้ง 2 กรณี)
5. นายณัฐพัชร จันทรสูตร อายุ 62 ปี อดีตกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย ในคณะกรรมการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ (สมัครคุณสมบัติตามมาตรา 9 วรรคสอง (5) แทนทั้ง 2 กรณี)
6. นายวัชระ อินทุสุต อายุ 65 ปี อธิบดีอัยการ สำนักงานคณะกรรมการอัยการ (สมัครคุณสมบัติตามมาตรา 9 วรรคสอง (1) แทนทั้ง 2 กรณี)
7. นายสิริชัย สุธีวีระขจร อายุ 65 ปี อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีศาลสูงภาค 1 (สมัครคุณสมบัติตามมาตรา 9 วรรคสอง (1) แทนทั้ง 2 กรณี)
8. นายมนูภาน ยศธแสนย์ อายุ 65 ปี ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา (สมัครคุณสมบัติตามมาตรา 9 วรรคสอง (1) แทนทั้ง 2 กรณี)
9. ผศ.ณัทตรัยพัทธ์ ภัทร์พรชนัต อายุ 62 ปี อดีตผู้บริหารระดับสูงบริษัทมหาชน (สมัครคุณสมบัติตามมาตรา 9 วรรคสอง (6) แทนทั้ง 2 กรณี)
10. นายปรีชา พงษ์พานิช อายุ 67 ปี อดีตอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีศาลสูงภาค 1 อัยการอาวุโส สำนักงานอัยการภาค 1 (สมัครคุณสมบัติตามมาตรา 9 วรรคสอง (1) แทนทั้ง 2 กรณี)
11. นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ อายุ 61 ปี อดีตผู้ว่าการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (สมัครคุณสมบัติตามมาตรา 9 วรรคสอง (3) แทนทั้ง 2 กรณี)
12. นายสาธิต อุไรเวโรจนากร อายุ 62 ปี ผู้สอบบัญชีรับอนุญาต กรรมการอิสระ บริษัท เจ้าพระยามหานคร (มหาชน) จำกัด (สมัครคุณสมบัติตามมาตรา 9 วรรคสอง (5) แทนทั้ง 2 กรณี)
13. นายทศพร รัตนมาศทิพย์ อายุ 60 ปี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จํากัด (มหาชน) (สมัครคุณสมบัติตามมาตรา 9 วรรคสอง (6) แทนทั้ง 2 กรณี)
14. นายธนากร แหวกวารี อายุ 56 ปี ทนายความ (สมัครคุณสมบัติตามมาตรา 9 วรรคสอง (5) แทนทั้ง 2 กรณี)
15. นายคำนึง วงษ์ทวีทรัพย์ อายุ 63 ปี อธิบดีอัยการ สำนักงานอัยการภาค 3 (สมัครคุณสมบัติตามมาตรา 9 วรรคสอง (1) แทนทั้ง 2 กรณี)
16. นายวิฑูลรย์ ศิริวิโรจน์ อายุ 59 ปี ทนายความ (สมัครคุณสมบัติตามมาตรา 9 วรรคสอง (5) แทนทั้ง 2 กรณี)
17. นายสมโภชน์ โตรักษา อายุ 58 ปี กรรมการนโยบาย องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพ สาธารณะแห่งประเทศไทย (ไทยพีบีเอส) (สมัครคุณสมบัติตามมาตรา 9 วรรคสอง (5) แทนทั้ง 2 กรณี)
18. นายประกอบ ลีนะเปสนันท์ อายุ 64 ปี รองประธานศาลฎีกา (สมัครคุณสมบัติตามมาตรา 9วรรคสอง (1) แทน 1 กรณี)
19. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง อายุ 60 ปี อดีตผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (สมัครคุณสมบัติ ตามมาตรา 9 วรรคสอง (2) แทนทั้ง 2 กรณี)
20. นายประจวบ ตันตินนท์ อายุ 66 ปี อดีตผู้อำนวยการยาสูบ โรงงานยาสูบ กระทรวงการคลัง ผู้บริหารของบริษัทมหาชน (สมัครคุณสมบัติตามมาตรา 9 วรรคสอง (7) แทน 1 กรณี)
21. ร.ต.อ.โชคชัย สิทธิผลกุล อายุ 65 ปี อธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน สำนักงาน อัยการสูงสุด (สมัครคุณสมบัติตามมาตรา 9 วรรคสอง (1) แทนทั้ง 2 กรณี)
22. นายอดิศร ไชยคุปต์ อายุ 64 ปี รองอัยการสูงสุด (สมัครคุณสมบัติตามมาตรา 9 วรรคสอง (1) แทนทั้ง 2 กรณี)
23. นายสุชาติ สุนทรีเกษม อายุ 63 ปี อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา (สมัครคุณสมบัติตามมาตรา 9 วรรคสอง (1) แทนทั้ง 2 กรณี)
24. ศ.พล.ต.ท.จักรพงษ์ วิวัฒน์วานิช อายุ 62 ปี อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ อดีตกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สมัครคุณสมบัติตามมาตรา 9 วรรคสอง (4) แทนทั้ง 2 กรณี)
25.พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย อายุ 60 ปีอดีตผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(สมัครคุณสมบัติ ตามมาตรา 9 วรรคสอง (2) แทนทั้ง 2 กรณี)
หากส่องแว่นขยายผู้สมัครชิงเก้าอี้ ป.ป.ช. จะพบว่า 25 ผู้สมัครมาจาก เเวดวงกระบวนการยุติธรรม (ผู้พิพากษา/อัยการ/ตำรวจ) ผู้ชำนาญการจากสาขาต่างๅ(นักบัญชี/ผู้บริหารองค์กรเอกชน/องค์กรอิสระ/ข้าราชการ/สื่อมวลชน)เเละหนึ่งสิ่งที่ควรพินิจคือ 25 เเคนดิเดตที่ชิงสองตำเเหน่งกรรมการป.ป.ช.นั้นพบว่า
หลายคนเคยลงสมัครเข้ารับการสรรหาองค์กรอิสระในหลายองค์กรเเต่ไม่ผ่านการคัดเลือกจากชัันคณะกรรมการสรรหา -บางคนสอบไม่ผ่านในชั้นสว.
บางคนเคยสมัครเข้ารับการสรรหาเป็นกรรมการป.ป.ช.หลายรอบเเต่ไปไม่ถึงฝั่งเเละคราวนี้ยังขออาสามาทำหน้าที่ ณ สนามบินน้ำอีกคราว
ไล่ย้อนการสมัครเข้ารับการสรรหาเป็นกรรมการองค์กรอิสระต่างๆในห้วงที่ผ่านมาพบว่าผู้สมัครบางคนผ่านขั้นตอนสรรหาเเต่ไม่ผ่านมติ สว.จากนั้นก็มิได้สมัครเข้ารับการสรรหาในองค์กรอิสระใดๆอีก
ต่อไป
ดังนั้นพึงพินิจว่า...เหตุใดการชิงสองเก้าอี้สนามบินน้ำครั้งนี้ “ผู้สมัครหน้าช้ำเเละผู้สมัครบางคนที่เคยพลาดหวัง” ยังขออาสามาทำหน้าที่กรรมการป.ป.ช.ต่อนั้น ดำเนินการด้วยมูลเหตุใด...
“ผูัสมัครบางคน”อาจหวังมาทำหน้าที่ในสนามบินน้ำเพื่อปิดเเผลเก่าของอดีตต้นสังกัดที่มีคดีค้างคาอยู่หรือไม่เเละ“ผู้สมัครบางคน”อาจถูกเเรงจูงใจบางอย่างกระตุ้นให้เสนอชื่อตัวเองมาลุ้นเข้ารอบอีกคราว ทั้งๆที่หากดูคะเเนนเห็นชอบจากสว.นั้นเรียกว่าไม่ควรกลับมามีลุ้นในคราวนี้อีก เเละ“ผู้สมัครบางคน”อาจมีคอนเน็กชั่นจากกลุ่มทุนเเละกลุ่มการเมืองบางฝ่ายผลักดันให้เข้ามามีลุ้นในรอบนี้
ดังนั้นขอฝากคณะกรรมการสรรหาฯเเละสว.กลั่นกรองผู้สมัครที่โปร่งใส/มีวิสัยทัศน์/ไร้ข้อผูกมัดใดๆไปทำหน้าที่ปราบทุจริตอย่างเเท้จริงเพื่อยกระดับประเทศไทยให้โปร่งใสขึ้นในวันนี้