
1 สิงหาคม 2568 “ดร.ณัฏฐ์” หรือ “ดร.ณัฐวุฒิ วงศ์เนียม”นักกฎหมายมหาชน เปิดเผยว่า กรณีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 มีสถานะเป็น สส. อีกสถานะหนึ่งด้วย
ถูกกล่าวหาว่า แปรงบประมาณหรือโยกงบประมาณ เพื่อผลประโยชน์ของตนเองไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แม้กระทำในฐานะรองประธานสภาฯ แต่ประหนึ่งว่า ตนเป็นเจ้าของงบประมาณ ซึ่งเป็นข้อห้ามตามรัฐธรรมนูญมาตรา 144 วรรคสอง จะกระทำมิได้เด็ดขาด
ดร.ณัฐวุฒิ วงศ์เนียม”นักกฎหมายมหาชน
แม้ภายหลัง กมธ.งบประมาณ จะถอนงบประมาณโครงการดังกล่าวออก เมื่อเป็นการกระทำฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญสำเร็จแล้ว แม้ถอนในภายหลัง ย่อมไม่พ้นความผิด นายพิเชษฐ์ฯ อาจเป็น สส.คนแรก ที่ถูกเชือด กรณีแปร งบประมาณหรือ โยกงบประมาณ ในร่าง พรบ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569
อันเป็นผลสืบเนื่องจากโครงการต่างๆที่ส่อพิรุธ เป็นผลสืบเนื่องบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ยกระดับการปราบโกง มีโอกาสสูงที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า การกระทำของนายพิเชษฐ์ฯฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ ส่งผลให้ตกจากเก้าอี้จากตำแหน่งรองประธานสภาฯและสิ้นสมาชิกภาพความเป็น สส.และถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง” นักกฎหมายมหาชน ท่านนี้ กล่าว
นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1
ส่องผลแห่งคดี ชี้ชะตา “พิเชษฐ์” รองประธานสภา
ในกรณี ศาลรธน.วินิจฉัย นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภา ฯ กระทำผิดโอนงบ 69 เข้าข่ายขัดรธน.มาตรา 144
ผลทางกฎหมาย หากฝ่าฝืน รธน.
1) ถ้าเป็นการกระทำของ สส.หรือ สว.ให้ผู้กระทำนั้น
(1)สิ้นสุดสมาชิกภาพนับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย
และ(2)ให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้นั้น”
รัฐธรรมนูญ 2560 ได้บัญญัติเพิ่มเติมข้อห้ามไว้ แตกต่างจาก รธน.2540 และ รธน.2550
(1) รธน.2540 รธน.2550 ให้ศาลรัฐธรรมนูญต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 7 วัน
โดย รธน.2560 ขยายกรอบระยะเวลาใหม่ โดยกำหนดให้ศาลรัฐธรรมนูญ ต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 15 วันนับแต่วันที่ได้รับความเห็น
(2) หากกระทำฝ่าฝืน รธน. ให้การเสนอแปรญัตติหรือการกระทำดังกล่าวสิ้นผลลง แต่ รธน.2560 ได้เพิ่มความเข้มข้น
“ถ้าเป็นการกระทำของ สส.หรือ สว.ให้ผู้กระทำนั้น สิ้นสุดสมาชิกภาพนับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย และให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้นั้น”
“กรณีที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้กระทำการหรืออนุมัติให้กระทำการ หรือรู้ว่ามีการกระทำดังกล่าว แต่มิได้สั่งให้ยับยั้ง ให้ ครม.พ้นจากตำแหน่งทั้งคณะนับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย และให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของรัฐมนตรีที่พ้นจากตำแหน่งนั้นเว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่า ตนมิได้อยู่ในที่ประชุมในขณะที่มีลงมติ และให้ผู้กระทำนั้น ต้องรับผิดชดใช้เงินนั้นคืนพร้อมด้วยดอกเบี้ย”