"สุรเดช พปชร." แนะรัฐบาลเจรจาสหรัฐฯ เลื่อนบังคับใช้มาตรการภาษี

นายสุรเดช ยะสวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ทางประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ได้เข้ามาเป็นตัวกลางในการเจรจา 2 ประเทศ เพื่อให้มีการหยุดยิงโดยมีการนำเรื่องของการเจรจาเรื่องของภาษี มาเป็นเงื่อนไขที่จะลดภาษีนำเข้าให้ว่า ส่วนตัวเห็นว่า เรื่องการสู้รบในขณะนี้มีผลกระทบทางด้านอธิปไตยของประเทศด้วย ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศของไทย ได้บอกไปแล้วว่า เราอยากหยุดอยู่แล้ว และพร้อมเจรจาทวิภาคี แต่ฝ่ายกัมพูชาต้องหยุดรุกรานเราก่อน เพราะกัมพูชา เป็นฝ่ายเริ่มก่อน ดังนั้นก็ต้องหยุดก่อน

 

“ส่วนตัวผมเห็นว่า อธิปไตยและความมั่นคงของประเทศต้องมาก่อน ส่วนเรื่องการค้าตามมาทีหลัง การที่สหรัฐฯ ต้องการที่จะเป็นคนช่วยไกล่เกลี่ย ก็ต้องมีจุดยืน และต้องยืนยันไปว่า เราไม่เคยไปล่วงละเมิดอธิปไตยของใคร แต่เราถูกรังแกก่อน เราจึงต้องปกป้องเพราะ ฉะนั้น ถ้าจะยุติการสู้รบ ก็ต้องมาตกลงกันใหม่ระหว่าง 2 ประเทศ แต่ถ้ากัมพูชาไม่ยอม เราก็คงยอมไม่ได้ เพราะความสูญเสียอย่างมหาศาลเกิดขึ้นแล้ว ซึ่งถ้าประธานาธิบดีจะใช้เงื่อนไขของภาษีตรงนี้มาเจรจา เราก็ต้องขอให้ทางสหรัฐ ยืดเวลาออกไปก่อนเพราะขณะนี้ ยังมีการสู้รบกันอยู่ สงครามยังไม่จบ อาจจะขอเลื่อนเดดไลน์จากวันที่ 1 สิงหาคมออกไปก่อน” นายสุรเดช กล่าว

นายสุรเดช ยังระบุถึงสถานการณ์ที่ยังคงมีความรุนแรงต่อเนื่องว่า ในนามส่วนตัวตนเห็นว่า เมื่อสถานการณ์เป็นแบบนี้ รัฐบาลก็ควรจะใช้โอกาสนี้ยกเลิก MOU43 และ MOU44 แต่จะต้องยืนยันแผนที่ 1/50,000 ไม่ใช่ 1/200,000 ตามที่กัมพูชายืนยัน ซึ่งการที่กัมพูชาต้องการจะใช้แผนที่ 1/ 200,000 ก็เพราะว่าเราจะมองไม่ออกว่าเขตแนวชายแดนของเราในอดีตอยู่ตรงไหนบ้าง แต่ถ้าเป็นแผนที่ 1/ 50,000 เราจะเห็นพื้นที่ของเราชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นประสาทเขาพระวิหาร ปราสาทตาเมือนธม ประสาทตาเมือนโต๊ด ปราสาทตาควาย หรือแม้แต่เสียมเรียบ พระตะบอง เป็นพื้นที่เก่าของประเทศไทย 

 

นายสุรเดช ยังเห็นว่า เมื่อเกิดเหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างนี้แล้ว รัฐบาลไม่มีความชอบธรรมที่จะบริหารประเทศต่อเพราะประชาชนไม่ไว้วางใจรัฐบาล โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย จึงขอเรียกร้องให้พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นแกนนำรัฐบาลเสียสละ ถ้าไม่ยุบสภา ก็ต้องเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ แต่ต้องไม่ใช่รัฐบาลที่มาจากพรรคปัจจุบันนี้ แต่ถ้ายังยื้อต่อไป ตนก็ขอเรียกร้องให้พรรคร่วมรัฐบาลถอนตัว เพราะถ้าพรรคร่วมรัฐบาลถอนตัวทุกอย่างก็จบรัฐบาลไปต่อไม่ได้ เพราะปัจจุบันรัฐบาลมีเสียงปริ่มน้ำมาก ถ้ารัฐบาลไปไม่ได้ สเต็ปต่อไปก็ต้องยุบสภาหรืออาจจะเปลี่ยนขั้วอำนาจเลยก็ว่ากันไป

“แต่ก่อนอื่นรัฐบาลต้องเสียสละก่อน ไม่เสียสละไม่ได้ ไม่เช่นนั้นบ้านเมืองเราจะวุ่นวายทันที เพราะตอนนี้เป็นวิกฤติศรัทธาที่รุนแรงมากประชาชนไม่ศรัทธารัฐบาลชุดนี้แล้ว ดังนั้นก็ขอเรียกร้องไปถึงพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆที่ไม่มีพรรคแกนนำอย่างพรรคเพื่อไทย ควรจะประชุมหารือกัน หรือจะตัดสินใจเฉพาะในส่วนของพรรคตัวเองก็ว่ากันไป ไม่เช่นนั้นบ้านเมืองเราจะไม่สงบ ส่วนตัวผมเชื่อว่าถ้ามีการเปลี่ยนรัฐบาล ปัญหาการสู้รบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาจะจบในเร็ววัน” นายสุรเดช กล่าว

 

นายสุรเดช กล่าวต่อว่า รัฐบาลไม่ต้องเป็นห่วงว่ายุบสภาในช่วงที่ประเทศกำลังมีสงครามจะไม่เป็นผลดี เพราะต่อให้รัฐบาลยุบสภา และมีการเลือกตั้งใหม่ โดยที่ยังเป็นรัฐบาลรักษาการ เพราะกระทรวงกลาโหมได้ใช้ พระราชบัญญัติบริหารจัดการด้านการทหารโดยมอบอำนาจให้ผู้บัญชาการทหารสูงสุด หรือ ผบ.ทสส.ดำเนินการแล้ว ดังนั้น ทหารก็ทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตยต่อไป ส่วนรัฐบาลโดยกระทรวงการต่างประเทศ ก็มีหน้าที่ในการเจรจา เพื่อให้สถานการณ์สู้รบสงบโดยเร็ว