
27 กรกฎาคม 2568 ผ่าน 3 วัน...สถานการณ์ไทย-กัมพูชา
ปุจฉา?
- ทำไมกัมพูชาขยายแนวรบ ครอบคลุมเกือบทุกจุดของเส้นเขตแดนทั้งทางบกและทางทะเล
- กัมพูชารู้อยู่แล้วว่าเสียเปรียบ ทั้งกำลังพล ยุทโธปกรณ์ และการยืนระยะ เหตุใดจึงยังลุยหนัก
- แผนของกัมพูชา คืออะไร
วิสัชนา
- ต้องการขยายเขตการเกิดความไม่สงบให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ที่ตนอ้างสิทธิ์
**ตอนนึ้ประชาคมโลกรับรู้เรื่องความขัดแย้งเกี่ยวกับเขตแดนแล้ว
- ต้องการให้ UNSC ยื่นมือเข้ามา และออกข้อมติหรือตั้งคณะผู้สังเกตการณ์ กดดันให้เปิดการเจรจา
**หากเปิดการเจรจาได้ กัมพูชาจะยกเรื่องพื้นที่พิพาทขึ้นสู่โต๊ะเจรจา
วิเคราะห์
- หากการสู้รบทวีความรุนแรงและยืดเยื้อ เรื่องใครโจมตีก่อนจะลดความสำคัญลง
**น้ำหนักของปัญหาที่ประชาคมโลกมอง จะพุ่งไปที่ความขัดแย้งและความเสียหายมากกว่าประเด็นใครเริ่มก่อน
- กัมพูชา พยายามเปิดแนวรบตรงจุดที่ตัวเองอ้างสิทธิ์และนำไปฟ้องศาลโลก เพื่อผูกโยงกับความรุนแรงที่เกิดขึ้นว่า เป็นเพราะข้อพิพาททางดินแดนที่ตกลงกันไม่ได้ จึงเกิดความรุนแรงขึ้น
- หวังให้นำเรื่องไปสู่ศาลโลก หรือมีคนกลางเข้ามาไกล่เกลี่ย- กัมพูชาผิดหวังกับผลการประชุม UNSC ที่ไม่มีมติที่เป็นคุณกับตน และไม่มีมหาอำนาจชาติใดแสดงท่าทีหนุนหลังอย่างชัดเจน
**หนำซ้ำยังถูกรัฐบาลจากหลายประเทศออกมาตำหนิการโจมตีเป้าหมายพลเรือน
**จากจุดนี้ทำให้กัมพูชาจำเป็นต้อง... เร่งระดมสรรพกำลัง รุกยึดคืนพื้นที่ให้ได้มากที่สุด + ยั่วยุให้ไทยขยายขอบเขตการโจมตีเข้าไปในดินแดนกัมพูชา
**เป้าหมายเพื่อกล่าวหาไทยว่า ไม่ได้ใช้มาตรการทางทหารเชิงป้องกัน หรือ defensive measure
แต่ใช้ มาตรการเชิงรุก หรือ offensive measure แล้วกล่าวหาว่าไทยรุกราน พลิกกลับเป็นกัมพูชาได้เปรียบ
กลยุทธ์ของไทย
- ปฏิบัติการทางทหารบรรลุตามเป้าหมาย สามารถยึดพื้นที่ของฝ่ายเราได้เกือบ 100%
- ทำลายกำลังรบของกัมพูชาจนขีดความสามารถด้อยลงตามลำดับ
- สามารถทำลายขวัญของทหารกัมพูชาได้มาก
- เร่งเสริมสร้างความเข้มแข็งในระยะยาวให้กับแนวป้องกัน
- ระวังอย่าตกหลุมพรางกลายเป็น “ผู้รุกราน” หรือทำให้เห็นว่าเราใช้มาตรการทางทหารเชิงรุก
- หาทางเปิดเจรจาแบบที่ไทยไม่เสียเปรียบ คือ การวางกำลังต้องกลับไปอยู่ในจุดเดิมก่อนเกิดการปะทะ