
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ซึ่งถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี ตอบคำถามผู้สื่อข่าวจากสำนักข่าว CNN เป็นภาษาอังกฤษต่อการชี้แจงของฝ่ายไทยต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือ UNSC ที่ทั่วโลกติดตาม โดยย้ำว่า ประเทศไทย ได้อดกลั้นต่อการยั่วยุต่าง ๆ จากฝ่ายกัมพูชาอย่างต่อเนื่องตลอดช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา โดยมีความตั้งใจอย่างแน่วแน่ ที่จะรักษาสันติภาพ และไม่ต้องการความรุนแรง หรือเหตุการณ์ใด ๆ ที่อาจเป็นอันตรายต่อประชาชนของทั้ง 2 ประเทศ แต่ความพยายามของฝ่ายไทยในการจัดการเจรจาอย่างจริงใจ กลับไม่ได้รับความจริงใจกลับมาเท่าที่ควร
Nation Photo
นางสาวแพทองธาร ยังย้ำว่า ได้พยายามผลักดันให้เกิดกลไกเจรจาทวิภาคี และเวทีการหารืออย่างสันติหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่ได้รับความร่วมมือเท่าที่ควร แม้จะมีการประชุมร่วมกันมาแล้วในอดีต แต่สถานการณ์ก็ยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งฝ่ายไทยยังคงพยายามโน้มน้าวให้กัมพูชา เข้าร่วมในการหาทางออกอย่างสันติ และไทยก็ยังไม่แน่ใจว่า ฝ่ายกัมพูชา มีวาระซ่อนเร้นอื่นใดเพิ่มเติมนอกจากสถานการณ์ปัจจุบันหรือไม่
นางสาวแพทองธาร ยังมั่นใจว่า ประชาคมโลกย่อมสามารถเห็นได้จากรายงานข่าวต่าง ๆ ว่า ประเทศไทยได้พยายามอย่างเต็มที่ในการรักษาความสงบอย่างสุดความสามารถ จนกระทั่งในช่วงเช้าของวันที่ 24 กรกฎาคม ที่ฝ่ายกัมพูชา เป็นผู้เปิดฉากโจมตีก่อน ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น และเมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ประเทศไทย จึงจำเป็นต้องใช้ทุกวิถีทางในการยุติความรุนแรง และตอบโต้กลับ พร้อมยืนยันว่า ประเทศไทยไม่มีเจตนาใดในการเริ่มต้นการสู้รบ แต่เมื่อชีวิตของประชาชนตกอยู่ในอันตราย หน้าที่ของรัฐบาลคือการปกป้องประชาชน
นางสาวแพทองธาร ยังเชื่อมั่นว่า ประเทศไทยยังคงยึดมั่นในหลักการของความจริงใจ และความมุ่งมั่นในการปกป้องประชาชน และอธิปไตยของชาติ และที่ผ่านมาก็ได้รับการชื่นชมจากสหประชาชาติ หรือ UN ในการบริหารจัดการศูนย์ประสานงานเกี่ยวกับสถานการณ์การจัดการคอลเซ็นเตอร์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ซึ่งสหประชาชาติเอง ก็แสดงความประสงค์ที่จะร่วมมือกับประเทศไทยในประเด็นดังกล่าว พร้อมเชื่อว่า หากกัมพูชาไม่ได้รับผลกระทบใดจากความจริงเหล่านี้ ก็ย่อมไม่มีเหตุผลอื่นใด ที่จะดำเนินการในลักษณะเช่นนี้ กับประเทศไทย
นางสาวแพทองธาร ยังขอประชาคมโลกพิจารณาว่า การกระทำของฝ่ายกัมพูชานั้น เป็นสิ่งที่เหมาะสมหรือไม่ ในเมื่อฝ่ายไทยแสดงออกอย่างชัดเจนถึงความตั้งใจ ที่จะรักษาสันติภาพ และเปิดการเจรจาในทุกระดับที่เป็นไปได้ แต่กลับไม่ได้รับการตอบสนองอย่างจริงใจ