svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"อิ๊งค์" เชื่อกัมพูชาเสียประโยชน์ถูกปราบคอลเซ็นเตอร์

"อิ๊งค์" เปิดใจแจงข้อครหาความขัดแย้งไทยกัมพูชา เพราะ 2 ตระกูล - แฉ! กัมพูชาไม่พอใจถูกรุกปราบคอลเซ็นเตอร์ - ขอคนไทยรักกัน-วอนหยุดสู้กันเองภายในก่อน

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ชี้แจงคำครหาความชัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา เกิดขึ้นเพราะ 2 ตระกูลว่า สิ่งที่เกิดขึ้นหลายเดือนที่ผ่านมา รัฐบาลได้มีการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างจริงจัง ทั้งการสั่งการกระทรวงมหาดไทย ตัดน้ำ ตัดไฟ บริเวณชายแดนไทย-สปป.ลาว และเมียนมา จนมีการดำเนินการไตรภาคีร่วมกันอย่างจริงจัง เพราะมูลค่าความเสียหายสามารถประเมินได้มหาศาล จนประชาชนสิ้นเนื้อประดาตัวแทบอยากจบชีวิต และการปราบปรามก็ได้ผลจริงจัง ได้ผลลดลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งตนเองก็ยังสับสนว่า ฝ่ายกัมพูชา ซึ่งตนเองยังติดต่อกันในความสัมพันธ์ส่วนตัว ได้รับแจ้งจากล่ามว่า โกรธตนเองว่าเหตุใดจึงไม่ปรึกษาเรื่องดังกล่าวกับฝ่ายกัมพูชา ตนจึงได้โทรศัพท์ไปพูดคุยก่อนที่จะถูกอัดคลิป เพราะไม่ทราบว่า กัมพูชาจะเสียผลประโยชน์หรือไม่ เพราะตนเองก็ตั้งใจที่จะปราบยาเสพติด และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เพราะเป็นความตั้งใจและนโยบายของรัฐบาลที่ตนเองต้องทำ แต่เมื่อตนจะให้ทางกัมพูชาเข้ามาร่วมมือกับไทย, สปป.ลาว และเมียนมาด้วย แต่ฝ่ายกัมพูชากลับบอกว่า ไม่ต้องร่วมกัน และขอดำเนินการกับไทย 2 ประเทศ ตนเองจึงใช้กระบวนการไตรภาคี 3 ประเทศเช่นเดิม 

"อิ๊งค์" เชื่อกัมพูชาเสียประโยชน์ถูกปราบคอลเซ็นเตอร์ ช่างภาพ สุรสิทธิ์ รัศมีกิตติกุล

Nation Photo

 

นางสาวแพทองธาร ยังระบุว่า เมื่อตนเองกลับมาคิดทบทวน ก็เชื่อได้ว่า เป็นการแสดงความไม่พอใจของกัมพูชา แต่ตนเองก็ไม่ได้คิดว่า เป็นการแสดงความไม่ใจการปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์หรือไม่ เพราะตนเองก็ไม่เชื่อว่า จะไม่มีประเทศใดไม่พอใจกับการปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เพราะเมื่อประชาชนในชาติถูกหลอก และรัฐบาลเข้ามาช่วย นั่นคือสิ่งที่ดี จึงทำให้รู้สึกว่า ตนเองคงไปขัดผลประโยชน์กัมพูชาหรือไม่ จึงทำให้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ซึ่งตนเองก็มั่นใจว่า รัฐบาลไม่ว่าจะเป็นนามสกุลชินวัตรหรือไม่ ก็จะต้องปราบปรามเรื่องนี้ เพราะส่งผลกระทบต่อประชาชนคนไทย จึงต้องปราบ เช่นเดียวกับยาเสพติด 

 

นางสาวแพทองธาร ยังสนับสนุนให้ประชาชนคนไทยมีความสามัคคีในชาติ แม้ที่ผ่านมาจะทะเลาะกันถึงในระดับหนึ่ง แต่วันนี้จะต้องรักกัน และทะเลาะกับคนนอกประเทศก่อน ซึ่งความขัดแย้งในประเทศนั้น ยังรอได้ แต่ที่รอไม่ได้แล้วคือความร่วมมือทุกฝ่าย ทุกภาคส่วน ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน และเชื่อว่า คนไทยรักคนไทย 

ส่วนกรณีที่ระบุให้ปัญหาการเมืองภายในรอก่อน และหลังจากนี้จะปลดชนวนระเบิดการเมืองภายในอย่างไรนั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ตนเองหมายความว่า บางครั้งการเมืองจะหาโอกาสทำลายฝั่งตรงข้ามทางการเมืองมาตลอด ซึ่งตนเองเข้าใจถึงการต่อสู้ทางการเมือง เพราะพรรคเพื่อไทย เคยเป็นทั้งฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาล แต่ในวันนี้ ตนเองได้เชิญชวนให้คนไทยมาปกป้องคนไทยกันเองก่อน เพราะเป็นคนไทยด้วยกัน เพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามเห็นว่า ประเทศไทยแข็งแรง ไม่สู้กันเอง และสู้กับประเทศที่ไทยเคยเห็นว่าเป็นเพื่อน และขอให้สื่อมวลชนได้รายงานสิ่งที่เป็นประโยชน์กับประเทศให้ได้มากที่สุด

 

ส่วนกรณีที่ฝ่ายกัมพูชาพุ่งเป้านางสาวแพทองธารและแม่ทัพภาคที่ 2 ที่เป็นต้นเหตุของความรุนแรงนั้น นางสาวแพทองธาร ได้ย้อนถามสื่อมวลชนกลับว่า จะเชื่อสิ่งที่กัมพูชาพูดอีกนานหรือไม่ เพราะอย่างตนเองถูกปล่อยคลิปเสียง และฝ่ายกัมพูชาอ้างว่า ไม่ได้ปล่อย หรืออาจโพสรูปสาวสวย ๆ และบอกไม่ได้โพสก็ได้ หรือทำสิ่งใดแล้ว และบอกไม่ได้ทำ จนได้รับฉายาประเทศกัมพูชา ที่ทั่วโลกตั้งให้ซึ่งทราบกันดีอยู่แล้ว จึงขออย่าให้ใช้อารมณ์ว่า ปัญหานี้เกิดขึ้นเพราะใคร แต่ปัญหาเกิดขึ้นเพราะกัมพูชา ที่ประเทศไทยปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ซึ่งชัดเจนอยู่แล้ว และตนเองก็มั่นใจว่า ไม่ว่าจะเป็นตระกูลชินวัตรหรือไม่ แต่รัฐบาลทุกรัฐบาล ก็ต้องปราบคอลเซ็นเตอร์ และยาเสพติด อบายมุขต่าง ๆ ซึ่งเป็นหน้าที่ที่รัฐบาลต้องทำ และตนเองก็ไม่เคยรู้สึกเสียใจในการปราบคอลเซ็นเตอร์ เพราะเป็นสิ่งที่ต้องทำ เพราะช่วยประชาชนได้มาก และฝ่ายความมั่นคง ก็ดำเนินการอย่างเต็มที่ จนได้ผลลัพธ์ต่อประชาชน ยกเว้นประเทศที่เสียผลประโยชน์ 

 

ส่วนตระกูลชินวัตรช้ำหนักต่อปัญหานี้หรือไม่นั้น นางสาวแพทองธาร ยืนยันว่า ตระกูลชินวัตรไม่ช้ำหนักในเรื่องนี้ เพราะถือว่า เป็นการทำเพื่อประเทศ พร้อมขอให้หยุดการใส่ความทางการเมือง เพราะในอดีตสมัยรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีระดับความสัมพันธ์ส่วนตัวดีมาก แต่นายทักษิณ ก็ยึดประโยชน์ของประเทศก่อน