svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

อ.สุรชาติ ตั้งข้อสังเกตสถานการณ์ ไทย-กัมพูชา อะไรคือจุดสุดท้าย

อ.สุรชาติ บำรุงสุข ตั้งข้อสังเกตสถานการณ์ชายแดน ไทย –กัมพูชา อะไรคือจุดสุดท้ายของการรบ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

25 กรกฎาคม 2568 ศ.กิตติคุณ ดร.สุรชาติ บำรุงสุข อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นักวิเคราะห์ภูมิรัฐศาสตร์ การเมืองไทยและการเมืองโลก เสนอบทความเกี่ยวกับ สถานการณ์การรบระหว่างไทย-กัมพูชาเกิดขึ้น และมีแนวโน้มขยายตัวมากขึ้น จากการใช้อาวุธยิงตอบโต้กัน  รวมถึงข้อสังเกตจากการพิจารณาสถานการณ์ในภาพรวม ดังนี้

 

ศ.กิตติคุณ ดร.สุรชาติ บำรุงสุข

 

1.อะไรคือจุดสุดท้ายของสงคราม (End State) - รัฐบาลกัมพูชามีท่าทีชัดเจนที่ต้องยกระดับปัญหาสู่เวทีสากล และจุดสุดท้ายคือ การปรับปรุงเส้นเขตแดนไทย-กัมพูชา ส่วนไทยคงต้องการดำรงสภาวะเดิม (status quo) และดูจะไม่มีนโยบายอะไรในเรื่องนี้

 

2.อะไรคือจุดสุดท้ายของการรบ ในทุกการรบยุติได้ด้วย “การเจรจาและการหยุดยิง” แต่ปัญหาคือ การหยุดยิงจะเริ่มได้จริงเมื่อใด และการเจรจาจะปรากฏในรูปแบบใดเพื่อยุติปัญหาที่เกิดขึ้น

อ.สุรชาติ ตั้งข้อสังเกตสถานการณ์ ไทย-กัมพูชา อะไรคือจุดสุดท้าย

 

3.สำหรับรัฐบาลไทยนั้น ชัดเจนว่าต้องการการเจรจาที่เป็นทวิภาคี ส่วนกัมพูชาต้องการเป็นพหุภาคี จึงมีความต้องการดันให้ปัญหาไปสู่เวทีโลก สภาวะเช่นนี้จึงตอบได้ยากว่า การรบจุดยุติด้วยการเจรจาแบบใด

 

4.อนาคตของพี่น้องประชาชนใน 2 บ้านจะอยู่กันอย่างไร จะสมานแผลอย่างไร เพราะในทางภูมิรัฐศาสตร์ไม่มีประเทศใดย้ายบ้านหนีจากกันได้ และจะต้องอยู่ด้วยกันไปในอนาคต

 

อ.สุรชาติ ตั้งข้อสังเกตสถานการณ์ ไทย-กัมพูชา อะไรคือจุดสุดท้าย

 

5.อนาคตของความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาล 2 ประเทศจะดำเนินไปอย่างไร ดังที่กล่าวในทางภูมิรัฐศาสตร์ ถึงอย่างไรในความเป็นประเทศเพื่อนบ้านจะต้องอยู่ร่วมกัน

 

6.ถ้าความขัดแย้งลากยาวไป ต้องระมัดระวังการเข้าแทรกแซงของรัฐมหาอำนาจ ในการเป็นคนกลางในการเจรจา ซึ่งน่าสนใจต่อบทบาทของจีนในกรณีนี้ เพราะทุกฝ่ายจับตามมองว่า จีนจะแสดงท่าทีอย่างไรกับความขัดแย้งครั้งนี้

7.ในสงครามชายแดน มีสงครามข่าวสาร สงครามข่าวปลอม ต้องระวังข่าวปลอม เพราะมีปัญหานี้เกิดขึ้นใน 2 ประเทศ และเป็นการสร้างข่าวเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในสงคราม

 

อ.สุรชาติ ตั้งข้อสังเกตสถานการณ์ ไทย-กัมพูชา อะไรคือจุดสุดท้าย

 

8.การกำหนดจุดสมดุลระหว่างบทบาทฝ่ายการเมืองกับฝ่ายทหาร ฝ่ายการเมืองจะมีบทบาทนำได้อย่างไร ถ้าไม่มีความเข้าใจเรื่องความมั่นคง

 

9.การปลุกกระแสชาตินิยมเป็นปัจจัยสำคัญเสมอในสงครามชายแดน ภาพการโจมตีของทหารกัมพูชาเป็นสิ่งที่ตอบสนองต่อการแสชาตินิยมกัมพูชาในประเทศอย่างชัดเจน กระแสสนับสนุนสงครามแบบชาตินิยมไทยก็ไม่น้อยกว่าฝั่งกัมพูชา

 

10.ในสงครามต้องมีการหาทางออก การคิดหาทางออกจากสงครามต้องเริ่มคิดอย่างจริงจัง เพราะทั้ง 2 ประเทศรบไม่ได้ในระยะยาว เพราะจะมีผลกระทบกับเศรษฐกิจและชีวิตประชาชน ดังนั้น จะต้องคิดทางยุทธศาสตร์ในเรื่อง “De-escalation of War” ให้ได้

 

11.การสื่อสารทางการเมืองของรัฐบาลไทยกับสังคมภายในเป็นประเด็นสำคัญ จนปัจจุบันยังไม่เห็นแถลงการณ์อย่างเป็นทางการของรัฐบาล และการสื่อสารต้องไม่ใช่การแสดงออกในแบบ “แซว” ผู้นำอีกฝ่ายหนึ่งให้สนุกปาก

 

12.การสื่อสารทางการเมืองของรัฐบาลไทยกับเวทีสากล เป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะเวทีระหว่างประเทศไม่เห็นปัญหาใกล้ชิด ฉะนั้น การสื่อสารต้องเน้นการส่งข้อมูลกับเวทีสหประชาชาติ อาเซียน และสื่อระหว่างประเทศด้วย เพราะภาพการโจมตีเป้าหมายเปราะบาง (soft targets) หลายจุดในไทย น่าจะไม่เป็นผลดีกับภาพลักษณ์ของรัฐบาลกัมพูชาในเวทีโลก

 

นท้ายที่สุด คงต้องติดตามดูว่าการสู้รบครั้งนี้ จะจบลงอย่างไร เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่า สงครามครั้งนี้มีผลอย่างมากกับสถานะทางการเมืองภายในของประเทศทั้ง 2 และที่สำคัญ มีผลอย่างมากกับความรู้สึกของคนในสังคมของทั้ง 2 ฝ่ายอย่างมากในอนาคต