
25 กรกฎาคม 2568 นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วานนี้ (24 ก.ค.) ที่มีการพิจารณาญัตติด่วนด้วยวาจาเกี่ยวกับแนวทางการแก้ไขปัญหาจากสถานการณ์การปะทะกันบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งเป็นการประชุมแบบลับว่า ที่ประชุมฯ ส่วนใหญ่ได้อภิปรายถึงสาเหตุปัญหาที่เกิดขึ้น และความเดือดร้อนของประชาชน และสภาฯ ก็มีความห่วงใยต่อทหารของชาติที่ต้องไปอยู่อย่างยากลำบาก และมีผู้เสียชีวิต สภาผู้แทนราษฎรจึงได้เอาข้ออภิปรายความห่วงใย ข้อเสนอแนะทั้งหมด เสนอต่อรัฐบาล และผู้เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงกลาโหม, กองทัพภาคที่ 2 เพื่อให้พิจารณาดำเนินการ
ประธานสภาผู้แทนราษฎร ยังเปิดเผยอีกว่า ตนเองและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จะเดินทางไปเยี่ยมผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและทหารที่อยู่ในพื้นที่ ในวันที่ 1 สิงหาคมนี้ ซึ่งจะรวบรวมของบริจาค เพื่อไปดูแลประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ รวมถึงผู้ที่บาดเจ็บในนามรัฐสภา และผู้แทนประชาชนด้วย รวมถึงในวันดังกล่าวช่วงเย็น ก็จะเดินทางไปที่กองทัพภาคที่ 2 ด้วย
ประธานสภาผู้แทนราษฎร ยังเปิดเผยด้วยว่า ขณะนี้ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้เปิดบัญชีขอรับบริจาค เพื่อให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกรัฐสภา รวมถึงประชาชนทั่วไป สามารถบริจาคสมทบทุนได้ที่ บัญชี “สภาผู้แทนราษฎรเพื่อช่วยเหลือทหารกล้า” ธนาคารกรุงไทย สาขารัฐสภา เลขที่บัญชี 089-089-88-98
ธนาคารกรุงไทย สาขารัฐสภา
ชื่อบัญชี “สภาผู้แทนราษฎรเพื่อช่วยเหลือทหารกล้า”
เลขที่บัญชี 089-089-88-98
ทั้งนี้ การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในวันนี้ (24 ก.ค.) มีวาระสำคัญ ในการพิจารณาญัตติด่วนด้วยวาจา ที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดศรีสะเกษ เสนอหารือถึงสถานการณ์การปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นมาแทนระเบียบวาระปกติ ซึ่งมีทั้งสิ้น 7 ญัตติ แบ่งเป็น ญัตติจาก สส.พรรคร่วมรัฐบาล 4 ญัตติ และฝ่ายค้าน 3 ญัตติ
ธเนศ เครือรัตน์ สส.ศรีสะเกษ พรรคเพื่อไทย
ปทิดา ตันติรัตนานนท์ สส.สุรินทร์ พรรคภูมิใจไทย
วิทยา แก้วภราดัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ
นายวิทยา แก้วภราดัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะผู้เสนอญัตติ ระบุว่า ทุกครั้งที่มีความขัดแย้งภายในประเทศไทย มีความอ่อนแอขึ้นในอำนาจรัฐไทย ปัญหาชายแดนประทุทุกครั้ง ซึ่งปรากฏการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกับปี 2552-2553 พร้อมมองว่า ความอ่อนแอที่เกิดขึ้น รัฐบาลกัมพูชารับทราบ และคิดหาเสียงภายในประเทศของกัมพูชา ดังนั้น ประเทศไทยก็ต้องปรับตัว แต่ขณะนี้ นายกรัฐมนตรี เป็นเพียงรองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี และมีเพียงรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ดังนั้น รัฐบาลจำเป็นต้องตั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพราะกัมพูชา มีทั้งนายกรัฐมนตรี ประธานสภา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
รังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน
ด้านนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะผู้เสนอญัตติ เห็นว่า วันนี้ประเทศไทย มีความจำเป็นต้องตอบโต้ตามที่ได้มีการวางแผนของฝ่ายความมั่นคง เพื่อปกป้องประเทศไทย และชีวิตของประชาชนชาวไทย พร้อมเสนอ 6 ข้อเสนอ เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ อาทิ การตอบโต้มีความจำเป็น, การวางแผนการรองรับการอพยพให้ประชาชนได้รับผลกระทบน้อยที่สุด, การแจ้งเตือนผ่านระบบเซลล์บรอดแคสต์, การใช้กลไกระหว่างประเทศ เพื่อให้ทั่วโลกได้เห็นถึงพฤติกรรมของกัมพูชาที่ยั่วยุและก่อความรุนแรง ละเมิดอนุสัญญาออตตาวา และยังโจมตีเป้าหมายโรงพยาบาล และพลเรือน เป็นต้น
ขณะที่ นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม ในฐานะผู้เสนอญัตติ เห็นว่า การใช้แนวทางการทูตของประเทศไทย จะต้องแสดงความเชื่อมั่น ให้ประชาคมโลกเห็นว่า ไทยสามารถนำการทูตมาแก้ไขปัญหาได้ในปัญหานี้จริง เพราะสงครามไม่ใช่สิ่งที่ใครปรารถนา แต่จำเป็นจะต้องมีสันติภาพที่ยั่งยืน พร้อมแสดงความกังวลที่การต่างประเทศของไทย มีความล่าช้า และโชคดีที่กระทรวงการต่างประเทศ ได้ชี้แจงทูตต่างประเทศ และเชิญทูตไทยกลับประเทศแล้ว เหลือเพียง 2 มาตรการ ที่ไทยต้องพิจารณาให้ดีว่า จะตัดสัมพันธ์ทางการทูต จนไปถึงการปิดสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือไม่ เพราะปัจจุบันกัมพูชา ได้ผิดข้อตกลงว่าด้วยการเคารพทางกฎหมายระหว่างประเทศ และไม่เลือกเป้าหมายการโจมตี ดังนั้น กระทรวงการต่างประเทศ ต้องทำงานให้มากกว่ากัมพูชา และต้องดึงประชาคมโลกมาเข้าข้างประเทศไทยให้ได้
ทั้งนี้ นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปรัฐบาล และนายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน เห็นพ้องร่วมกันให้การอภิปรายในครั้งนี้ เป็นการประชุมแบบลับ เนื่องจาก เป็นสถานการณ์ที่ละเอียดอ่อน อาจกระทบปัญหาระหว่าง 2 ประเทศทำให้ขยายความขัดแย้งรุนแรงขึ้นได้
ด้าน นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ญัตติเรื่องสถานการณ์ชายแดนนี้ รัฐบาลให้ความสำคัญ และขอบคุณที่สภาผู้แทนราษฎร ที่จะให้ข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์กับรัฐบาล โดยการประชุมบางช่วงอาจขอให้เป็นการประชุมลับ เพราะสถานการณ์ละเอียดอ่อน พร้อมเสนอให้ตัวแทนคณะรัฐมนตรี ได้ขึ้นไปบนบัลลังก์เพื่อรับฟังข้อคิดเห็นอีกด้วย
ขณะที่ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะประธานการประชุมฯ ได้อนุญาตให้คณะรัฐมนตรี ที่ไม่ได้เป็น สส.เข้าร่วมรับฟังการอภิปรายจาก สส.ในการหารือครั้งนี้ด้วย
อย่างไรก็ตาม ภายหลังการอภิปรายเสร็จสิ้น สภาผู้แทนราษฎร จะได้รวบรวมความเห็นของ สส.เพื่อเสนอไปยังคณะรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป