
18 กรกฎาคม 2568 นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และประธานคณะก้าวหน้า ให้สัมภาษณ์กับ สาม บก.เนชั่น ในรายการพิเศษ ผ่าทางตันประเทศไทย ว่า กับคำถาม “ธนาธร” คือ ผู้นำจิตวิญญาณ เป็นการให้เกียรติเกินไป เพราะเราทำงานกันเป็นทีม จากนักธุรกิจ ผ่านมาถึงวันนี้ เป็นเวลา 7 ปีครึ่ง ที่เข้ามาทำงานการเมืองถือว่า "คุ้มมาก" วาระที่เคยเสนอต่อสังคมคราวนั้น ผ่านมาถึงวันนี้ วาระที่ถกเถียงเป็นวาระปกติของสังคม ถือว่าคุ้มมากในการเข้ามาทำงานการเมือง
“หากคนมีความรู้ ความสามารถ กลัว ไม่เข้ามาทำงานการเมืองถือว่าเสียโอกาส” นายธนาธร กล่าว
บก.สมชาย มีเสน ถาม “ธนาธร” ว่า การเมืองถึงทางตันหรือยัง นายธนาธร กล่าวว่า ถ้าทุกฝ่ายเชื่อมั่น ประชาธิปไตย ไม่ถึงทางตันหรอก แต่มีความพยายามของบางคนบางกลุ่ม ไปให้ถึงทางตัน เป็นสิ่งที่ตนกังวล เพราะถ้าเราพูดถึงทางตัน ถ้าไม่มีใครสร้างมัน ก็ไม่ถึงทางตัน คนเหล่านี้หยุดยั้งกาลเวลาทางการเมือง เพื่อให้ระบบระเบียบการเมือง เศรษฐกิจประเทศไทย เป็นแบบนี้
นายธนาธร หยิบยกสไลด์ขึ้นมาประกอบอธิบาย ปีนี้ครบรอบ 20 ปี การชุมนุม พธม. มีการชุมนุมใหญ่ถึงสี่ครั้ง ช่วงปี 48-49 ปี 52-53 ชุมนุม นปช. ตามด้วย กปปส. และการชุมนุมคนรุ่นใหม่ มีการชุมนุมสี่ระลอก มีการรัฐประหาร สองครั้ง มีนายกฯ พ้นตำแหน่ง 4 ครั้ง และเร็วๆ นี้อาจเป็นห้าคน ยุบพรรคไปแล้วหลายพรรค ยังมีการตัดสินของศาล รธน.นำไปสู่การเลือกตั้งโมฆะ นี่ คือยี่สิบปี ถามว่า ถ้าเปลี่ยนนายกฯ เร็วๆ นี้ จะมีนายกฯ โดยเฉลี่ย 10 คนในรอบ 20 ปี
"ทำไมเห็นร่องรอยนั้น เพราะยี่สิบปีเป็นแบบนี้"
ถามว่า ร่องรอยอะไรให้เห็นทางตัน นายธนาธร กล่าวว่า จุดสำคัญ เราไม่มีข้อตกลงร่วมกันว่า ฝ่ายบริหาร ฝ่ายมีอำนาจ จะแบ่งกันอย่าง เราหาข้อสรุปในสังคมไม่ได้จะอยู่ในกติกากันแบบไหน เราจึงจำเป็นต้องออกแบบ กลไกการบริหาร องค์กรถ่วงดุลตรวจสอบ อย่างไร และนำไปสู่การตอบคำถาม เราจะถ่วงดุลฝ่ายบริหารประเทศอย่างไร ถ้าแก้ปัญหานี้ไม่ได้ ไม่ต้องพูดถึงการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ถ้าแก้ปัญหาเศรษฐกิจโดยไม่แก้ปัญหาการเมืองเป็นไปไม่ได้ 20 ปีที่ผ่านมา การทำรัฐประหาร ไม่เป็นประชาธิปไตย พาประเทศไปข้างหน้าไม่ได้ การหยุดไม่ให้ประเทศไปข้างหน้า วิธีเดียว รัฐประหาร แก้ปัญหาไม่ได้
"ปัญหานักการเมือง เห็นแต่อำนาจประโยชน์ส่วนตน รัฐประหารสองครั้ง แก้ปัญหาได้ไหม แก้ไม่ได้"
พิธีกรถามว่า ถ้ากล่าวถึงคนที่ทำให้เกิดทางตันคือ กลุ่มอนุรักษ์นิยม ใช่ไหม ธนาธร ยอมรับ ตอบว่า ใช่ครับ
นายธนาธร ตอบคำถาม สาม บก.กรณีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ เหตุใด "พรรคประชาชน" ชกไม่เต็มหมัดกับรัฐบาล เป็นเพราะมีดีลอะไรกันหรือไม่ นายธนาธร กล่าวว่า ตนเชื่อมั่นพวกเขาในพรรค ซื่อตรงต่ออุดมการณ์ตลอด การพูดคุยกับพรรคการเมือง มีอยู่แล้วเป็นปกติ เส้นต่างหากสำคัญ ถ้าข้ามเส้น ต่อรองเรื่องผลประโยชน์ส่วนตนเมื่อไหร่ อย่างนั้นเป็นผลไม้พิษทางสังคม แต่ถ้าพูดคุยเพื่อประโยชน์ส่วนร่วม ไม่ได้มีปัญหา
ถามว่า นายธนาธร คุยกับผู้นำแดงกับผู้นำนำเงินบ้างไหม นายธนาธร หัวเราะ ก่อนตอบว่า ในระดับกรรมาธิการ ก็มีการพูดคุยปกติ แต่ในระดับภายใน ตนไม่ได้มีส่วนได้พูดคุย ขอย้ำ ถ้ามีสัญญาณแกนนำของพรรคไปคุยพรรคอื่น กลุ่มการเมืองอื่น ขอย้ำไม่มีสัญญาณ แต่ถ้าเป็นเรื่อง แก้ รธน.เอาอย่างไร หรือ เรื่องส่วนร่วม ก็มีการคุยเรื่องแบบนี้
พิธีกรรุกไล่ถาม นายธนาธร พบ นายทักษิณ เมื่อไหร่ นายธนาธร กล่าวยอมรับว่า ได้พบที่ฮ่องกง แต่เบื้องหลังมีคนต่อสายถึง นายชัยธวัช ในช่วงหลังเลือกตั้ง ให้คุยกับ นายทักษิณ แต่นายชัยธวัชตอบว่า ไม่เหมาะสม จึงเป็นที่มาให้ตนไปคุยแทนที่ฮ่องกง
ถามว่า ล่าสุดคุยนายอนุทิน เมื่อไหร่ นายธนาธร กล่าวว่า เพิ่งคุยกับนายอนุทินเมื่อเช้านี้ พิธีกรรุกไล่ เมื่อเช้าจริงหรือ นายธนาธร ตอบว่า เป็นการกดเบอร์โทรศัพท์ผิด
ถามว่า โอกาสได้เป็นรัฐบาล จะตั้งพรรคร่วมไหน นายธนาธร กล่าว่า โอกาส ปชน.มีโอกาส 250 ขึ้นไป มีโอกาสอยู่ แต่ถ้าเลือกร่วมรัฐบาลมีปัจจัยสองประการ ดูผลการเลือกตั้งก่อน สองสำคัญมากกว่าหรือเท่าอันที่ 1 คือ การยอมรับนโยบายพรรคประชาชนหาเสียงไว้ สองปัจจัยนี้ เป็นตัวสำคัญที่ ปชน.ตัดสินใจในการร่วมรับบาลหรือไม่กับพรรคไหน
“ที่สำคัญ ต้องเปิดเผย โปร่งใส ตรวจสอบได้ “ นายธนาธร กล่าว
สาม บก.เนชั่น ถามประเด็นโอกาสรัฐประหารในประเทศไทย มีอีกไหม นายธนาธร ตอบว่า ตราบใดที่เรายังไม่มีการปฏิรูปกองทัพ ก็ยังไม่ปิดประตูการรัฐประหาร ถ้าไม่มีการปฏิรูปกองทัพจริงจัง ปิดประตูรัฐประหารไม่ได้
วิธีการปฏิรูปกองทัพ ต้องทำหลายอย่างไปพร้อมกัน เราเสนอแพคเกจปฏิรูปกองทัพไปแล้ว ยกเลิกกองทัพพาณิชย์ มีผลประโยชน์พาณิชย์เยอะ ต้องมาข้องเกี่ยวการเมือง ถ้าเป็นกองทัพ ต้องของบปกติ แต่ตอนนี้กองทัพมีโรงแรม มีปั๊มน้ำมัน ฯลฯ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ ส่งผลให้ผู้นำกองทัพไม่มีสมาธิบริหารภารกิจหลัก ทำให้กองทัพมายุ่งปกป้องผลประโยชน์เหล่านี้
มีสองก้อนความคิด 1. ทำให้กองทัพมีสมรรถนะสูงพร้อมปกป้องประเทศ 2. ให้กองทัพ อยู่ภายใต้รัฐบาลพลเรือน พร้อมตรวจสอบได้
นายธนาธร ยกตัวอย่าง กระทรวงกลาโหม มีพลเรือนเป็น รมต.น้อยกว่าคนในกองทัพ และอีกตัวอย่าง เงินนอกงบประมาณ คนนอกที่ไม่สามารถเข้าไปยุ่งได้เลย เช่น ททบ. 5 มีรายได้ของตัวเอง มีระเบียบการใช้งบของตัวเอง ตรวจสอบงบเอง ไม่มีผู้สอบบัญชีจากภายนอก จนถึงวันนี้ ไม่มีใครเห็นผู้สอบบัญชี หลายปีแล้ว เพราะเป็น กม.ที่เปิดเผยไม่ได้ เขาไม่ส่งให้ สตง. ตรวจสอบได้ นี่คือความหมายเหนือการตรวจสอบรัฐบาลพลเรือน
สาม บก.เนชั่น ตั้งคำถามนายธนาธร หลังพ้นการเว้นวรรคทางการเมือง อยากฝากอะไรกับประชาชน นายธนาธร กล่าวว่า ผมไม่สามารถเดินทางการเมืองได้มากไกลขนาดนี้ได้เลย ถ้าปราศจากประชาชน ผู้สนับสนุนให้กำลังใจ มีการส่งข้อความสู้ต่อไปนะ อย่าเพิ่งหมดหวัง
“ขอบคุณทุกคนจริงๆ ไม่มีกำลังใจ ผมคงไม่สามารรถยืนหยัดได้เจ็ดปีกว่า เดินหน้าต่อไปอย่างไร ไม่รู้ แต่จะเดินหน้าตามศักยภาพที่มี ผลักดันให้ลูกหลานเติบโต เป็นประเทศที่มีประชาธิปไตย เศรษฐกิจเจริญก้าวหน้า ให้สังคมเท่าเทียมทาง กม.ได้รับการปฏิบัติเท่าเทียมกัน นั่นคือสังคมที่เราอยากจะสร้าง”