
5 กรกฎาคม 2568 กระแส “นายกฯเฉพาะกาล - รัฐบาลเฉพาะกิจ” เข้ามาทำหน้าที่ชั่วคราว เพื่อรอยุบสภา ดังขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะหลังจากมีการแสดงท่าทีของ “เบอร์ใหญ่สุดในสภา” อย่างพรรคประชาชน เพราะมี สส.มากที่สุด
ความหมายของการมี “นายกฯเฉพาะกาล - รัฐบาลเฉพาะกิจ” โดยนัยทางการเมือง คือ ต้องมีการ “เปลี่ยนขั้ว - ย้ายข้าง” กันเกิดขึ้น เพราะอยู่ดีๆ ไม่มีวิกฤตคอขาดบาดตาย จะให้รัฐบาลถาวร “อุ๊งอิ๊ง 2” เพิ่งเข้ากระทรวงวันแรก ไปเป็นฝ่ายค้าน มันก็ดูแปลกๆ
“การเปลี่ยนขั้ว - ย้ายข้าง” จะเกิดขึ้นได้ คือ ต้องเกิด “สุญญากาศ” เสียก่อน นั่นก็คือ นายกฯแพทองธาร ไม่ได้ไปต่อ จะด้วยสมัครใจ หรือถูกสั่งให้พ้นตำแหน่งโดยศาลรัฐธรรมนูญก็ตาม
การเตรียมการ โชว์ความพร้อม เพื่อสร้างโมเมนตัมทางการเมือง ให้เอียงมาทางฝ่ายตน ไม่ใช่เรื่องผิด
แต่อย่างที่บอก การเมืองไม่ได้เล่นกันฝ่ายเดียว ฉะนั้นก็ต้องเหลียวไปดูฝั่งที่เขาครองอำนาจอยู่ว่า กำลังเดินไปสู่สุญญากาศจริงหรือไม่
ไล่ดูเงื่อนไข และปัจจัยทั้งหมด ยังไม่เดินไปสู่จุดนั้นเลย
- ตอนนี้ไปเริ่มต้นใหม่ ช่วงถูกพักงานนายกฯ โดยไปเป็น รมว.วัฒธรรม เข้ากระทรวงชื่นมื่นไปแล้ว
**ปล่อยภาพวันนี้ สีม่วงทั้งกระทรวง
- ศาลสั่งให้ส่งคำชี้แจงภายใน 15 วัน
- ถ้าส่งครบ ส่งเร็วตามเวลา (นัยว่าอยากรีบกลับมาทำงาน อยากให้มีความชัดเจนเร็วๆ ไม่อึมครึม) ก็ต้องไม่มีต่อเวลา
- ศาลอาจใช้เวลารวบรวมพยานหลักฐานด้านอื่นๆ และนัดประชุมพิจารณา แล้วทำคำวินิจฉัย ใช้เวลาอีก 15-30 วัน
- รวมเวลาเร็วสุด 30 วัน++ (เทียบเคียงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งถูกหยุดปฏิบัติหน้าที่เหมือนกัน) ศาลใช้เวลา 37 วัน
**แต่ทั้งหมดนี้ เราคิดในฉากทัศน์ที่เราไม่ใช่นายกฯแพทองธาร และทีมยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย เพราะหากคิดในเชิงยุทธศาสตร์ ทางฝั่งนายกฯและทีมงานอาจไม่รีบร้อนก็เป็นได้
**อาจขอขยายเวลาส่งคำชี้แจง แล้วใช้ระยะเวลาช่วงนี้ พลิกเกม ลดแรงกดดัน เช่น แก้ปัญหาขัดแย้งกับกัมพูชาให้สะเด็ดน้ำ สมมติว่าถ้าสามารถประชุม GBC ได้ แล้วทั้งสองฝ่ายถอนอาวุธหนัก กับกำลังทหารห่างจากชายแดนพื้นที่พิพาทได้ อาจถือว่าประสบความสำเร็จระดับหนึ่ง
หรือเปิดปฏิบัติการกวาดล้างขบวนการเรียกหัวคิวแรงงานเขมร ซึ่งออกแนว “ขายชาติ” พร้อมๆ กับการเพิ่มมาตรการกดดันกัมพูชา โดยเฉพาะการขยายผล “ประเทศศูนย์กลางสแกมเมอร์” ให้โดนอาเซียนกดดัน โดนสหรัฐและไทยขึ้นแบล็กลิสต์วีซ่า ฯลฯ แบบนี้อาจทำให้ได้คะแนนนิยมฟื้นกลับมา
- เรื่องนี้เริ่มมีคนวิเคราะห์ในแนวเดียวกับที่ “ข่าวข้นคนข่าว” วิเคราะห์
- ดร.สติธร ธนานิธิโชติ นักรัฐศาสตร์ชื่อดังจากสถาบันพระปกเกล้า ก็ให้สัมภาษณ์ในรายการ “เนชั่นวิเคราะห์ข่าว” มองประเด็นนี้อย่างน่าสนใจ
**เพื่อไทยได้ประโยชน์ เพราะกดกระแสม็อบลงได้มาก จนเกือบจะเงียบหายไปเลย ไม่มีแรงกดดันเท่าเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
**เพื่อไทยมีเวลาสร้างความเข้าใจ หรือพลิกเกมเรื่องคลิปเสียงฮุนเซน
- ยึดกระทรวงสำคัญมาอยู่ในความดูแลได้แล้ว โดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทย ยอดปรารถนา
- กระทรวงเก่าของภูมิใจไทย คู่แค้นทางการเมือง อยู่ในมือพรรคเพื่อไทยและพรรคพันธมิตร อย่างกล้าธรรม คือ กระทรวงแรงงาน (เพื่อไทย - พงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ) กระทรวง อว. (เพื่อไทย - รมว.ปุ๋ง สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล) กระทรวงศึกษาธิการ (กล้าธรรม - นฤมล ภิญโญสินวัฒน์) และ มหาดไทย (เพื่อไทย - บิ๊กอ้วน)
- ความไม่ชอบมาพากลต่างๆ ถูกลำเลียงสู่สาธารณะ โดยเฉพาะการใช้งบประมาณ การประมูลเมกะโปรเจค การจัดซื้อจัดจ้าง ล่าสุดเบรกโครงการ 2 กระทรวง คือ อว. กับ ศธ. ไปแล้วกว่าหมื่นล้าน และไฟเขียวดีเอสไอ เปิดปฏิบัติการกวาดล้าง “ขบวนการรีดหัวคิวแรงงานกัมพูชา” เม็ดเงินนอกระบบ 400 ล้าน
**แปะกราฟฟิกจำนวนรัฐมนตรีภูมิใจไทย 8 เก้าอี้ กระจายไปไหนบ้าง นำกราฟฟิกเก่ามาปรับให้เข้าใจง่ายขึ้น
- (อธิบายกราฟฟิก) จะเห็นได้ว่า 8 เก้าอี้ของภูมิใจไทย เพื่อไทยดึงไว้แค่ 3 ที่เหลือกระจายให้พรรคร่วมฯ และบ้านใหญ่ มัดใจข้ามรัฐบาล โดยเฉพาะ เพิ่มโควตาพรรคชาติไทยพัฒนา ซึ่งมี 10 เสียง แต่ คุณอนุชา สะสมทรัพย์ ได้นั่ง รมช.สาธารณสุข / ให้โควตาพรรคชาติพัฒนา ซึ่ง 3 เสียง แต่ คุณเทวัญ ลิปตพัลลภ ได้นั่ง รมช.ศึกษาธิอการ / เพิ่มโควตาประชาธิปัตย์ 25 เสียง (เสียงจริงแค่ 21) แต่มอบเก้าอี้ให้บ้านใหญ่นครศรีธรรมราช ชัยชนะ เดชเดโช นั่ง รมช.สาธารณสุข
**วันนี้ รัฐมนตรีป้ายแดงเหล่านี้เข้ากระทรวงวันแรก ดูสีหน้าท่าทางแล้ว พวกเขาอยากอยู่กับรัฐบาลเพื่อไทยต่อไปยาวๆ หรืออยากไปสนับสนุน “เสี่ยหนู อนุทิน” เป็นนายกฯเฉพาะกาล ตั้งรัฐบาลเฉพาะกิจ เตรียมยุบสภา เลือกตั้งใหม่
นอกจากแจกเก้าอี้บ้านใหญ่ ยังได้ใจ “งูเห่า” ทั้ง “พรรคเลี้ยงงูเห่า” และ “ก๊วนงูเห่า”
พรรคเลี้ยงงูเห่า - กล้าธรรม - มี สส.ทางการ 26 คน ได้เก้าอี้ 2 รัฐมนตรีว่าการ 2 รัฐมนตรีช่วย (รมว.เกษตรฯ และช่วยเกษตรฯ + รมว.ศึกษาธิากร และ รมช.พาณิชย์)
ก๊วนงูเห่า - กลุ่มฐากร ตัณฑสิทธิ์ - มี สส.เท่าไรไม่รู้ อาจจะ 2 หรือ 3 หรือ 5 แต่ได้ 1 รมช. คือ ฉันฑวิชญ์ ตันฑสิทธิ์ และฝากโควตาไว้กับกล้าธรรม ซึ่งคาดว่าจะมีดีลกันอย่างเป็นทางการในอนาคต
แม้จะยังปริ่มน้ำ แต่ก็แน่นปึ้ก และเกาะกันเหนียวแน่น ไม่น่าจะแตกแถว เพราะผูกกันไว้ด้วย “เก้าอี้รัฐมนตรี” และยังมี กมธ.สำคัญๆ เช่น กมธ.งบประมาณฯ อีกด้วย (คุณฐากร เมื่อลูกได้ตำแหน่งรัฐมนตรี ก็ลาออก สละเก้าอี้ไปแล้ว อาจเตรียมเปิดทางให้กลุ่มก๊วนอื่น เพราะเป็นโควตาที่เพื่อไทยเฉือนให้)
ส่วนสภาล่มต่อเนื่อง ไม่ใช่ปัญหา เพราะเป็นเกมชิงความได้เปรียบกันรายสัปดาห์ แค่กฎหมายสำคัญไม่ตกเป็นพอ
ที่สำคัญ เสียงของฝ่ายค้าน รวมอย่างไรก็ยังไม่ถึง 248 แล้วจะพลิกเกมมาดันใครเป็น “นายกฯเฉพาะกาล รัฐบาลเฉพาะกิจ” ได้อย่างไร
ปัจจุบัน พรรคประชาชนมี 143 เสียง / ภูมิใจไทย 69 เสียง / พลังประชารัฐ 20- / ไทยสร้างไทย 1 / เป็นธรรม 1 / รวมแล้ว 234
มีข่าว “กลุ่มมะขามหวาน” อีกราวๆ 6-8 จากพลังประชารัฐ มีดีลกับ “บ้านต้นสัปดาห์” สาย “คุณหญิง” / เสียงฝ่ายค้านก็จะหายไปอีก เหลือไม่ถึง 230 แล้วจะพลิกมาเป็น “นายกฯเฉพาะกาล - รัฐบาลเฉพาะกิจ” ได้อย่างไร
สรุปเหลือคนเดียว คือ “ลุงป้อม บ้านป่าฯ” ถ้าหากไปยกมือหนุน ก็จะถูกถามว่า แคมเปญ “มีเรา ไม่มีลุง” ไปทิ้งไว้ไหน
การวิเคราะห์เช่นนี้ ไม่ได้หมายความว่า พรรคประชาชนต้องการจะหนุน “ลุงป้อม” เป็นนายกฯ แต่ต้องการสื่อว่า “ตัวเลือก” หรือ “ผู้เล่น” ที่จะพลิกเกม มันไม่มีจริงๆ การจะไปดึงพรรคร่วมรัฐบาลให้มาโหวตตั้ง “นายกฯเฉพาะกาล - รัฐบาลเฉพาะกิจ” จึงมองไม่เห็นลู่ทางแม้แต่น้อย
อยู่กับเพื่อไทย
- พรรครวมไทยสร้างชาติ => รมว.พลังงาน รมว.อุตสาหกรรม รมว.พาณิชย์ รมช.พาณิชย์ และรักษาการ รมว.กลาโหม
=> นั่งไปเรื่อยๆ สร้างผลงานตามสบาย ไม่กำหนดเวลา
ย้ายไปหนุนภูมิใจไทย หรือแคนดิเดตของฝ่ายค้าน หรือดันตัวเองเป็นนายกฯ โดยเทเพื่อไทย
- พรรครวมไทยสร้างชาติ => การันตีได้ตำแหน่งเท่านี้หรือไม่
=> นั่งได้ไม่เกิน 3 เดือน ต้องยุบสภา ตามสัญญาประชาคม
**ที่สำคัญที่สุด หากกระแสยุบสภามาแรงจริงๆ เพื่อไทยก็ประกาศยุบสภาภายในกรอบเวลาที่ตัวเองกำหนดได้ เพื่อรักษาสถานะรัฐบาลรักษาการเอาไว้ ไม่มีความจำเป็นต้องปล่อยให้เก้าอี้นายกฯไหลไปพรรคอื่น หรือแคนดิเดตคนอื่น / หากนายกฯแพทองธาร โดนสอย ก็ดัน คุณชัยเกษม นิติสิริ รักษาเก้าอี้ต่อ และคงโควตาพรรคร่วมฯแบบเดิม ผสมกับการไม่กำหนดกรอบเวลายุบสภา
ทั้งหมดนี้คือแต้มต่อของเพื่อไทย ที่มองอย่างไรก็ยังไม่เห็นเค้าลางความเปลี่ยนแปลง ยกเว้นม็อบจุดติดอีกครั้ง หากนายกฯแพทองธาร ฟื้นคืนชีพ ได้กลับมานั่งผู้นำประเทศเต็มตัวอีกรอบ
**แต่ก็ต้องขึ้นกับการแก้เกมในห้วง 30-60 วันนี้ด้วย เพราะเมื่อเวลาทอดยาวไป ม็อบอาจจุดไม่ติดเท่าเดิม ก็เป็นไปได้เหมือนกัน
งานนี้จึงเกิดคำถามว่า รัฐบาลเฉพาะกาล กับ ฝ่ายค้านถาวร (หลังเลือกตั้งก็อาจได้เป็นฝ่ายค้านต่อ) อะไรจะเกิดก่อนกัน