
26 มิถุนายน 2568 พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยภายหลังราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ควบคุม "ช่อดอกกัญชา" ให้ใช้ทางการแพทย์เท่านั้น ว่า ข้อมูลร้านที่ได้รับอนุญาตให้จำหน่ายและแปรรูปกัญชาขณะนี้มีจำนวน 17,906 ราย , มีการจดทะเบียนขอส่งออก 708 ราย , และใช้ในการศึกษาวิจัย 37 ราย โดยต่อไปนี้ถ้าใครจะซื้อต้องมีใบสั่งแพทย์ ไม่ได้ขายเสรีแล้ว ใช้เพื่อการสันทนาการไม่ได้แล้ว ซึ่งร้านที่ได้รับใบอนุญาตยังคงเปิดร้านได้อยู่ แต่ขายให้กับคนที่ไม่มีใบรับรองแพทย์ไม่ได้ หากลักลอบขายก็จะมีความผิดตามกฎหมาย อัตราโทษจำคุก 1 ปี หรือปรับ 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ส่วนผู้ประกอบการกัญชาเพื่อสันทนาการ ที่ส่งเสียงว่าการออกประกาศดังกล่าวกระทันหันเกินไป ทำให้ปรับตัวไม่ทัน จนกระทบต่อการประกอบธุรกิจนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ยืนยันว่า ไม่ได้มองว่าคนเหล่านี้เป็นอาชญากร เพราะพวกเขาก็ได้ยื่นขออนุญาตตามกฎหมายในขณะนั้น แต่แนวทางการให้ปรับตัวหรือเยียวยาต่างๆ ก็ต้องไปพูดคุยกับกระทรวงสาธารณสุข และรัฐต้องเยียวยาผู้ประกอบการกัญชา จากผลกระทบจากมาตรการที่ออกใหม่
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้หลายพรรคกำลังเสนอเป็นกฎหมายเพื่อจะควบคุมกัญชา โดยเฉพาะกฎหมายที่เสนอโดยพรรคประชาชาติ นิยามว่ากัญชายังเป็นยาเสพติดอยู่ และใช้ได้เฉพาะทางการแพทย์เท่านั้น บางร่างกฎหมายก็ให้เป็นกัญชาเพื่อการศึกษาหรือการวิจัย บางร่างก็จะนำกัญชากลับสู่บัญชียาเสพติด ตนเองหวังว่าหลังเปิดสภา จะมีการผลักดันและพิจารณากฎหมายเหล่านี้ เพื่อปรับร่างกฎหมายเดิม โดยคาดว่าน่าจะเป็นกฎหมายที่เร่งด่วนฉบับที่ 1 ที่จะต้องออก เพราะปกติแล้วกฎหมายลักษณะนี้ต้องเป็นกฎหมายรัฐบาล ส่วนประกาศของกระทรวงสาธารณสุขที่ควบคุม "ช่อดอกกัญชา" ที่ออกมาเป็นเพียงกฎเบื้องต้นที่ออกมาควบคุมในระยะเปลี่ยนผ่าน ระหว่างรอปรับร่างกฎหมายเท่านั้น
ขณะที่ มุมมองในเวทีโลก ก็กำหนดให้กัญชาเป็นยาเสพติดทั้งหมด อาจจะมีบางประเทศที่อนุญาต แต่ก็มีการควบคุมเข้มงวด ซึ่งเมื่อประเทศไทยอยู่ในเวทีโลกแล้ว และกัญชาไม่ได้เป็นยาเสพติด ก็ทำให้เป็นอุปสรรคทางการท่องเที่ยว เพราะประเทศต่างๆ ก็ไม่อยากให้คนเข้ามาเที่ยวไทย เพราะกลัวว่าจะเสพ หรือใช้กัญชา และหากจะหวังผลเรื่องเศรษฐกิจ ที่ก่อนหน้านี้มีการโฆษณาว่ากัญชาเสรี จะช่วยสร้างเศรษฐกิจ สร้างรายได้ให้ประเทศ
แต่หลังจากเปิดกัญชาเสรี ก็พบว่าเศรษฐกิจไม่เกิด เพราะเป็นการขายภายในประเทศเท่านั้น นอกจากไม่เกิดแล้ว สหภาพยุโรปหลายประเทศ รวมถึงประเทศอังกฤษ ก็ทำหนังสือถึงรัฐบาลว่า ประเทศไทยกลายเป็นประเทศจำหน่ายยาเสพติดไปยุโรป ทำให้ภาพลักษณ์ไทยในเวทีโลกเสื่อมถอย แม้ว่าประเทศไทยจะมีความเข้มแข็งในการป้องกัน ปราบปราม สกัดกั้นและแก้ปัญหายาเสพติดก็ตาม ซึ่งก็เป็นจุดหนึ่งที่ประชาชนกังวลใจเรื่องกัญชา และเรียกร้องให้นำเอากัญชาและกระท่อมกลับมาควบคุมอย่างเข้มข้น เข้าสู่บัญชียาเสพติด
ส่วนกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่า มาตรการกัญชาที่เปลี่ยนไปนี้ เป็นผลพวงมาจากการเมืองนั้น ทั่วโลกก็มองว่ากฎหมายฉบับนี้เกิด เพราะการเมือง ดังนั้นตอนนี้การเมืองก็ต้องแก้ด้วยการเมือง