svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"เครือข่ายกัญชา" ฟาด "สมศักดิ์" ใช้กัญชาเป็นเครื่องมือการเมือง หวัง "ให้นายทุนผูกขาดหมื่นล้าน"

"เครือข่ายกัญชา" ฟาด "สมศักดิ์" ใช้กัญชาเป็นเครื่องมือการเมือง หวัง "ให้นายทุนผูกขาดหมื่นล้าน" เตรียมบุก "ก.สาธารณสุขฯ" 7 ก.ค.นี้

25 มิถุนายน 2568 เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย ออกแถลงการณ์ จากกรณีที่ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ขีดเส้น 45 วัน นำ "กัญชา" กลับสู่ "บัญชียาเสพติด" หลัง "พรรคภูมิใจไทย" ถอนตัวจากรัฐบาล

 

"เครือข่ายกัญชา" ฟาด "สมศักดิ์" ใช้กัญชาเป็นเครื่องมือการเมือง หวัง "ให้นายทุนผูกขาดหมื่นล้าน"

 

 

 

"เครือข่ายกัญชา" ฟาด "สมศักดิ์" ใช้กัญชาเป็นเครื่องมือการเมือง หวัง "ให้นายทุนผูกขาดหมื่นล้าน"

 

เครือข่ายฯ มองว่า การดำเนินการของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน เดินอยู่บนเส้นทางของข้อเท็จจริงหรือฉวยจังหวะแก้แค้นพรรคภูมิใจไทย เรื่องนี้นั้นมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะหากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณะสุขใช้การเอาชนะทางการเมืองมากำหนดสถานะของพืชสมุนไพรกัญชา จะทำให้ทุกอย่างเบี่ยงเบนจากเส้นทางที่ถูกต้อง

“นายสมศักดิ์ มีความพยายามอย่างหนักก่อนหน้านี้ในการนำกัญชากลับสู่ยาเสพติด แต่ไม่ประสบความสำเร็จ หลังจากนั้น นายสมศักดิ์ ก็ไม่ได้ทำอะไรอีกเลยเรื่องกัญชา ที่พยายามพูดกับประชาชนว่ากัญชาอันตรายร้ายแรง แต่ตัวเองกลับเมินเฉยไม่มีมาตราการใดออกมาเลยแม้สักนิดเดียว  

แต่พอพรรคภูมิใจไทยถอนตัวจากรัฐบาล สมศักดิ์ กลับมาพูดประโยคเดิมอีกครั้งคือกัญชาอันตราย ได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนมากมาย เพื่อเป้าหมายเดียวคือนำกัญชากลับสู่ยาเสพติดอีกครั้ง” แถลงการณ์ระบุ 

 

 

 

นอกจากนี้ ทันทีที่พรรคภูมิใจไทยลาออกจากรัฐบาล นายสมศักดิ์ ดำเนินกิจกรรมสองประการคือการออกประกาศกระทรวงฉบับใหม่และปล่อยขบวนตรวจจับกัญชา เหตุใดก่อนหน้านี้จึงไม่ดำเนินการใด ทั้งนี้โดยข้อเท็จจริงแล้วตอนนี้การใช้กัญชามีน้อยมากจนร้านจำนวนมากทยอยปิด แต่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขกลับเบี่ยงเบนข้อเท็จจริง กระพือข้อมูลเพื่อสนองเป้าหมายสุดท้ายคือ นำกัญชากลับสู่บัญชียาเสพติด 

 

ฉะนั้นในขณะนี้พืชกัญชากำลังถูกกลเกมส์ทางการเมืองควบคุมและเมื่อนายสมศักดิ์ ใช้การเมืองมากำหนดนโยบายมาตรการต่างๆจะผิดพลาดและเอื้อประโยชน์แก่บางกลุ่ม พิจารณาได้จากประกาศกระทรวงล่าสุดที่รัฐมนตรีเพิ่งลงนามไปนั้นมีมาตรการคุ้มครองที่อ่อนด้อยกว่าเดิมแต่กลับเพิ่มเงื่อนไขการผูกขาดโดยผู้เชี่ยวชาญเข้าไปแทนที่การคุ้มครองแบบเดิม 

กล่าวคือ ประกาศเดิมห้ามจำหน่ายแก่ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปีและห้ามจำหน่ายแก่นักเรียน ถูกตัดทิ้งไป มาตรการใหม่ที่มาแทนระบุว่า ผู้ที่ซื้อได้จะต้องมีใบอนุญาตจากแพทย์ มาตรการใหม่นี้มีจุดอ่อนตรงที่หากนักเรียนหาใบอนุญาตมาได้ก็สามารถซื้อกัญชาได้ แน่นอนที่สุดว่าใบรับรองจากแพทย์นั้นซื้อหากันได้  

เมื่อเราพิจารณาจะพบว่าสิ่งที่นายสมศักดิ์ ประกาศว่าประชาชนเดือดร้อนจะต้องแก้ปัญหาแต่กลับออกมาตรการที่หละหลวมกว่าเดิม และเป็นการมอบอำนาจการใช้สมุนไพรต้นหนึ่งของประชาชนไปอยู่ในมือของผู้เชี่ยวชาญที่รังเกียจกัญชา พฤติกรรมของรัฐมนตรีทั้งหมดจึงเป็นความพยายามปั้นแต่งสถานการณ์ทั้งมวลเพื่อให้เข้าทางของตนเอง

 

 

แถลงการณ์ ระบุด้วยว่า เหตุที่นายสมศักดิ์ ตัดมาตรการห้ามขายแก่นักเรียนและเยาวชนที่อายุต่ำกว่า 20 ปีออกไป เป็นการแสดงให้เห็นว่าสมศักดิ์ เทพสุทินไม่ได้ห่วงเยาวชนแต่อย่างใด และการมอบอำนาจการวินิจฉัยว่าผู้ใดจะใช้กัญชาได้บ้างให้อยู่ในมือผู้เชี่ยวชาญเป็นการนำหลักการการผูกขาดด้วยผู้เชี่ยวชาญเข้ามาใช้ เพราะเป็นหลักการที่คิดว่าประชาชนยอมรับ

 

"เครือข่ายกัญชา" ฟาด "สมศักดิ์" ใช้กัญชาเป็นเครื่องมือการเมือง หวัง "ให้นายทุนผูกขาดหมื่นล้าน"

 

 

แต่เป้าหมายที่แท้จริงของ สมศักดิ์ เทพสุทินคือ แสดงให้สังคมเห็นว่าตนเองหนุนกัญชาทางการแพทย์ เมื่อได้รับเสียงสนับสนุนก็จะดำเนินมาตรการที่ต้องการคือ การนำกัญชากลับสู่ยาเสพติด

นายสมศักดิ์ ชอบกฎหมายยาเสพติดก็เพราะเมื่อนำกัญชาไปขังไว้แล้ว ก็สามารถออกมาตรการเฉพาะให้กับบุคคลเฉพาะสามารถปลูก แปรรูป จำหน่าย ส่งออกกัญชาได้และนี่คือจุดเริ่มต้นของการผูกขาดกัญชาที่มีมูลค่าหลายหมื่นล้านต่อปี เป้าหมายของนายสมศักดิ์ คือจุดนี้

มิใช่ห่วงใยเยาวชนอย่างที่กล่าวอ้างการอยากผูกขาดมูลค่ามหาศาลของกัญชาประกอบกับการแก้แค้นทางการเมือง วันนี้นายสมศักดิ์ จึงเบี่ยงเบนข้อเท็จจริงทุกประการเพื่อให้บรรลุเป้าหมายแห่งตน”

 

"เครือข่ายกัญชา" ฟาด "สมศักดิ์" ใช้กัญชาเป็นเครื่องมือการเมือง หวัง "ให้นายทุนผูกขาดหมื่นล้าน"

 

 

ดังนั้น เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทยมิอาจปล่อยให้นักการเมืองคนหนึ่งใช้กลเกมส์มาเบี่ยงเบนข้อเท็จจริงของกัญชาเพื่อนำไปสู่การควบคุมเพื่อการผูกขาดภายใต้กฎหมายยาเสพติด จึงขอให้สมศักดิ์ เทพสุทิน ยุติพฤติกรรมนี้เสีย โดยเครือข่ายเขียนอนาคกัญชาไทยขอประกาศภารกิจสำคัญ 2 ประการ

 

1.ขอแก้ไขประกาศกระทรวงฉบับลงนาม 23 มิถุนายน 2568 โดยขอให้นำหลักการเดิมกลับมาใช้คือ ทุกคนมีสิทธิเข้าถึงกัญชาได้ภายใต้มาตรการควบคุม ทั้งนี้เพราะ รัฐมนตรีสมศักดิ์ เทพสุทิน ได้นำหลักการใหม่มาใช้ในร่างประกาศกระทรวงฉบับใหม่แทนที่คือ ผู้เข้าถึงกัญชาได้จะต้องมีใบผ่านทางโดยการอนุญาตของคนกลุ่มเดียว  การมีใบผ่านทางโดยการอนุญาตของผู้ที่ถูกสถาปนาว่าเชี่ยวชาญจะเกิดการทุจริตและการออกใบอนุญาตไม่สะท้อนความเป็นจริงทางการแพทย์แต่อย่างใด และแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ได้

 

 

2.ขอให้นายสมศักดิ์ เทพสุทิน หยุดเพ้อฝันว่าจะนำกัญชากลับสู่บัญชียาเสพติด สิ่งที่นายสมศักดิ์ ควรจะต้องรีบดำเนินการคือ นำร่าง พ.ร.บ.กัญชา ที่หมอชลน่าน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธรณสุขคนก่อนจากพรรคเดียวกัน ซึ่งผ่านการรับฟังความเห็นเรียบร้อยแล้วเข้าสู่คณะรัฐมนตรี ซึ่งสิ่งนี้นายศักดิ์ ควรดำเนินการมาตั้งนานแล้ว แต่กลับสร้างวาทกรรมวนเวียนจนรัฐบาลจะสิ้นอายุอีกไม่กี่วัน พ.ร.บ.กัญชาก็ยังไม่เดินหน้า ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นชัดเจนว่า สมศักดิ์ เทพสุทิน มีเป้าหมายต่อกัญชาเพื่อการใด

 

"เครือข่ายกัญชา" ฟาด "สมศักดิ์" ใช้กัญชาเป็นเครื่องมือการเมือง หวัง "ให้นายทุนผูกขาดหมื่นล้าน"

 

 

”เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทยขอประกาศเชิญชวนทุกท่าน พร้อมกันที่กระทรวงสาธารณสุขในวันที่ 7 กรกฎาคม 2568 เวลา 13.00 น. เพื่อดำเนินภารกิจทั้ง 2 ประการและเราตกลงร่วมกันว่าจะมีปฏิบัติการต่อเนื่องจนกว่ารัฐบาลจะเริ่มต้นผลักดันกฎหมาย พ.ร.บ.กัญชาและได้รับการเห็นชอบจากรัฐสภา“ แถลงการณ์ ระบุ