svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"จักรภพ" เล่าเบื้องหลัง "ทักษิณ" -"ฮุนเซน" จากนี้จะไม่เหมือนเดิม

"จักรภพ เพ็ญแข" อดีตรมต.สำนักนายกฯ เล่าเบื้องหลังเข้าพบ "ทักษิณ" สอบถามปมข้อพิพาท"ไทย-กัมพูชา" กับการถ่ายทอดคำพูดอดีตนายกฯทักษิณ "เสียดายความสัมพันธ์ จากนี้จะไม่เหมือนเดิม"

“ ท่านไมได้พูดอะไรมากครับ เพียงแต่บอกว่า แปลกใจต่อท่าทีสมเด็จฮุนเซน และสมเด็จฮุนมาเนต และเสียดายในความสัมพันธ์ ที่มีมานานและดีมาก ใกล้ชิดกันมากเหมือนครอบครัว คำว่าเสียดายมีความหมายว่า ท่านคิดว่าจากนี้ไปไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว"

คำให้สัมภาษณ์ของ จักรภพ เพ็ญแข อดีตรมต.สำนักนายกรัฐมนตรี ที่มีต่อทีมข่าวการเมืองเนชั่นทีวี เมื่อวันที่ 24 มิ.ย.68

เป็นการเล่าเบื้องหลัง ถ่ายทอดคำพูดทักษิณที่มีต่อจักรภพในการเดินทางเข้าพบ ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า เมื่อช่วงเย็นของวันเสาร์ที่ 21 มิ.ย.68 ก่อนปรากฎภาพถ่ายรูปร่วมกันทางสื่อสารมวลชน

"ทำให้เราต้องตามหาคำตอบ?????"

"ทักษิณ" ลั่น "เสียดาย"ความสัมพันธ์ที่มีต่อกัน

จักรภพ เปิดเผย ทีมข่าวการเมืองเนชั่นทีวี ว่า ในการเข้าพบทักษิณ ชินวัตร วันนั้น เพื่อต้องการไปสอบถามเรื่องกัมพูชา และการเมืองในภาพรวม  โดยตนเองโทรศัพท์นัดหมายขอเข้าพบเมื่อวันเสาร์ที่ 21 มิถุนายน เวลา 16.00 น. แต่คุณทักษิณตอบว่า ให้มาเร็วกว่านี้ก็ได้ ทำให้ตัดสินใจเดินทางไปทันที 

"ไม่ได้คิดเลยว่า จะไปเพื่อเป็นข่าว หรือเพื่อพิสูจน์ว่าท่านยังอยู่ และเรื่องการหายไป แต่ท่านมีจุดประสงค์ชัดเจน ไม่นำเรื่องส่วนตัวเข้ามาเกี่ยวข้องการดำเนินนโยบายต่างประเทศ และการทหารต่อกัมพูชาขณะนี้"

"นับตั้งแต่ เกิดกรณี กระทบกระทั่งที่ช่องบก เผาศาลาตรีมุข ขุดคูเลต หลังจากนั้นมา ท่านไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับกัมพูชาอีกเลย เพราะถือว่าตอนนี้ ได้กลายเป็นเรื่องปฏิบัติการรัฐต่อรัฐไปแล้ว แม้ส่วนตัวสนิทกัน แต่ไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้อง"

.

และจากคำถาม คล้ายกับว่าหลายคนมีความรู้สึกว่า เมื่อสนิทกัน ทำไมไม่ใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวแก้ปัญหานี้

ได้ตอบไปแล้วว่า ท่านทักษิณ มีหลักการว่า นี่ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวแล้ว เป็นเรื่องของรัฐต่อรัฐแล้ว

ถ้าใช้เรื่องส่วนตัวเข้าไป จะสร้างความสับสน และสร้างความสงสัยมากขึ้น โดยเฉพาะคนที่อยู่หน้างาน โดยเฉพาะทหารกล้าทั้งหลายที่อยู่แนวชายแดนและเตรียมพร้อมอยู่ในขณะนี้ เรื่องของเรื่องมีเท่านี้” จักรภพ เปิดเผยบทสนทนาคุณทักษิณที่ได้เข้าพบพูดคุยกันนาน 20 นาที

จักรภพ เพ็ญแข อดีตรมต.สำนักนายกฯ เข้าพบ ทักษิณ ชินวัตร เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. 68

“ ท่านไมได้พูดอะไรมากครับ เพียงแต่บอกว่า แปลกใจต่อท่าทีสมเด็จฮุนเซน และสมเด็จฮุนมาเนต และเสียดายในความสัมพันธ์ ที่มีมานานและดีมากใกล้ชิดกันมากหมือนครอบครัว คำว่าเสียดายมีความหมายว่า ท่านคิดว่าจากนี้ไปไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ไม่มีอะไรจะกลับมาสนิท กันหรือไว้ใจกันได้เท่าเดิม

เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นจากชายแดน และเรื่องคลิป มันเกินกว่าที่จะรับได้ เพียงแต่ว่าความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ของสองประเทศเหนือกว่าสัมพันธ์กว่าส่วนตัว เราเสียดายตรงนั้น ทั้งสองประเทศ ควรร่วมมือกันทำงานใหญ่ๆ โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ ที่สหรัฐตั้งกำแพงภาษี กลับปรากฎว่าเรามีปัญหานี้ ก็กลับเป็นเรื่อง "เสียดาย"

แปลกใจ ไม่มีสัญญาณรับรู้ถึงความไม่พอใจ

เราถาม มีอะไรลึกๆระหว่างทักษิณ กับ ฮุนเซน ทำให้เกิดปัญหาขึ้นหรือไม่ จักรภพ ยืนยัน ว่า ไม่มี เพราะถ้ามี ท่านทักษิณก็คงไม่แปลกใจ

"ท่านแปลกใจไม่รู้ล่วงหน้าไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ตั้งแต่ปัญหาช่องบกก็ยกระดับเป็นความขัดแย้งเลย ซึ่งผิดวิสัย และที่ผ่านมาไม่ใช่ว่า อดีตนายกฯทักษิณ กับอดีตนายกฯฮุนเซนไม่ได้คุยกัน ก็คุยกันอยู่เรื่อย แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ได้มีการส่งสัญญาณ หรือกริยาท่าทีใดๆจะไม่พอใจกันถึงขนาดนี้"

ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

แต่สิ่งที่ถามมาข้อหนึ่ง มีอะไรลึกลับซับซ้อน ซึ่งผมบอกได้เลยว่าไม่มี

ถ้าหากมีอะไรซับซ้อน กลัวโน้นกลัวนี้ ก็ต้องรีบระงับเรื่องขัดแย้งและกลับมาดีกันสิ นี่ต่างคนเดินออกจากจุดจับมือกัน ไปยืนหลังทหาร แสดงว่าไม่ต้องการนำเรื่องตนเอง ขึ้นมาเป็นเรื่องใหญ่

แม้แต่เรื่องคลิป ที่บอกมีคลิปอื่นๆอีก ก็อยากให้นำออกมาอีก เนื่องจากว่า จะทำให้เราทราบได้ว่า มีใครอีกสนับสนุนกัมพูชาในทางไม่เหมาะสม และไม่ควรสนับสนุนโดยรัฐบาล ตรงนี้ เป็นเรื่องดี เพราะฉะนั้นเราเสียใจ แปลกใจ แต่สุดท้ายต้องขอบคุณฮุนเซนที่ปล่อยคลิปออกมา

คลิปเสียง ฮุนเซน ฮวด อุ๊งอิ๊ง อยู่กันคนละสถานที่ 

จักรภพ กล่าวถึงคลิปเสียงนั้น เป็นการบันทึกเสียง กันคนละสถานที่ ฮุนเซน ใช้สปีกเกอร์โฟน เคลียงฮวด รองผู้ว่าพนมเปญ อยู่ต่างประเทศ ส่วนนายกฯแพทองธาร สนทนาจากประเทศไทย เป็นลักษณะแยกกันหมดเลย ทำให้เราคาดไม่ถึงว่ามีอะไรเกิดขึ้น ทำให้โกรธเคือง เพราะเราไม่รู้จริงๆ

แม้แต่ ท่านทักษิณ ยังบอกว่า “ เซอร์ไพรส์ “ แต่ว่าตัดสินใจจะไม่เข้าไปเกี่ยวข้องอีกแล้ว เพราะว่า เป็นความผิดพลาด และเป็นบทเรียน ที่เรานำความสัมพันธ์ส่วนตัวมาเป็นเรื่องสำคัญ เพราะเราคิดว่า การนำความสัมพันธ์ส่วนตัวช่วยสร้างอะไรได้เยอะในรูปแบบตะวันออกแบบไทยๆ

แต่เมื่อเกิดเหตุ ซึ่งเกิดไม่กี่วันนี้ กลายเป็นบทเรียนฉับพลัน ว่าการนำความสัมพันธ์ส่วนตัวมาเป็นเรื่องหลัก เดิมทีเราไม่ได้ใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวเป็นตัวหลักอยู่แล้ว ความสัมพันธ์ไทยกัมพูชาเป็นทางการเรื่อยมา ทุกกระทรวงรับรู้หมด เพียงแต่เราใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวเป็นตัวเสริมให้เกิดความรักผูกพัน เกิดความรู้สึกเป็นกันเอง ทั้งหมด นึกถึงผลประโยชน์ชาติเป็นสำคัญ ถามว่าแล้วส่วนตัวมีอะไรไหม ก็ไม่เป็นไร เพราะบาดหมางกันไปแล้ว ถ้ามีอะไรก็ให้ถามทางตระกูลฮุนเซน

จักรภพ กล่าวถึง เนื้อหาคลิป ว่า สิ่งที่นายกฯทำได้ คือขอโทษในสิ่งที่พูดไปไม่เหมาะสม ซึ่งนายกฯได้อธิบายไปแล้ว นอกจากนั้น มีข้อสรุปข้อเดียวว่า ไม่มีการเสียดินแดนแม้แต่ตารางเมตร ส่วนคนที่ไม่ไว้วางใจ ยืนยันว่าไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้ ก็ช่วยไม่ได้ เชื่อว่าเป็นอคติส่วนตัวที่มีมาก่อน ก็ช่วยอะไรไม่ได้ ทางเราก็ต้องเดินหน้าต่อ

เผย"อุ๊งอิ๊ง" เผชิญสถานการณ์หนักสุด

กรณีเสียงเรียกร้อง นายกฯควรยุบสภา ได้มีการพูดคุยกับทักษิณอย่างไร  จักรภพ กล่าวว่า “ ไม่มีประเด็นว่าควรยุบสภา ยกเว้นว่า ท่านยอมรับว่าสถานการณ์คราวนี้หนัก อาจจะหนักที่สุดตั้งแต่รัฐบาลแพทองธารเผชิญมา แต่สามารถเดินต่อไปได้ เพราะท่านนายกฯเข้มแข็ง ท่านพูดย้ำหลายครั้ง นายกฯเป็นคนเข้มแข็ง สองนับคะแนนเสียงพรรคร่วมแล้ว ยังเป็นรัฐบาลอยู่ต่อไปได้ จึงไม่มีสาเหตุอะไรที่จะลาออกหรือยุบสภ่า ส่วนอนาคตจะลาออกหรือยุบสภาหรือไม่ เราไม่ได้ปฏิเสธ เพียงแต่ว่า ในเวลานี้ ตอนนี้ ไม่ใช่ เนื่องจากประเทศชาติจะย้อนกลับไปสู่ระบอบที่คนไม่มั่นใจประชาธิปไตยมากกว่า”

แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี บุตรสาว ทักษิณ ชินวัตร

หากยุบสภา เพื่อไทยเสียเปรียบ 

จักรภพ ยังให้ความเห็นส่วนตัว โดยยอมรับว่า การยุบสภาตอนนี้ เพื่อไทยเสียเปรียบ หากยุบสภาเท่ากับทำให้รัฐบาลอายุสั้น ซึ่งเราจะไม่ทำเพราระไม่มีเหตุใดๆกระเทือนความมั่นคงแห่งชาติ แล้วจะมาคาดคั้นให้ยุบสภาดูจะไม่สัมพันธ์กัน ส่วนจำนวนเสียงรัฐบาลปริ่มน้ำ การเมืองก็เป็นห่วงทั้งสองทาง ตามระบอบประชาธิปไตย ถ้าเสียงมากเกินไป ก็เป็นห่วงเป็นเผด็จการ แต่หากเสียงปริ่มน้ำกลัวจะล่มง่าย เราผ่านสถานการณ์นั้น และมาถึงสถานการณ์นี้ ส่วนจะอยู่ต่อไปได้หรือไม่ อยู่ที่สถานการณ์ที่จะพัดเข้ามา

บทเรียนราคาแพง “นายกฯแพทองธาร"

จักรภพ สะท้อนมุมมอง กรณีคลิปเสียงสนทนาผู้นำประเทศ ถือว่า เป็นบทเรียนหลายอย่างที่เกิดขึ้นกับนายกฯแพทองธาร

1. การพูดเป็นการส่วนตัวระหว่างผู้นำประเทศถือเป็นเรื่องธรรมดาทางการทูต ทุกประเทศทำกัน ไม่ได้มีความเป็นทางการนั่งเป็นกลุ่มเสมอไป ถ้าเราจับได้ว่ามีความเป็นสัมพันธ์ส่วนตัว บุคลิกไปด้วยกัน มีเคมีตรงกัน ก็ใช้การทูตส่วนตัวก็ช่วยประเทศชาติ มาหลายครั้งในอดีต

2. อย่าไว้วางใจ ใครมากเกินไป ไม่ว่า เป็นต่างชาติหรือคนในชาติเดียวกัน

3. ภาษา ที่ใช้ในการพูดคุยระหว่างประเทศ แม้เป็นเรื่องส่วนตัว ต้องระมัดระวัง บางครั้งพูดไปทำให้เกิดความกังขา สงสัย เกิดความรู้สึกไม่เหมาะสม ตำหนิ เหล่านี้ต้องนำมาคิดว่าจะไม่ให้เกิดขึ้นต่อไปอีก

4. เราต้องทำตัวเองให้มั่นคงเสมอ เพราะเหตุการณ์วิกฤตกัมพูชา ที่เกิดขึ้นไม่มีปี่มีขลุ่ย ถ้าหากรัฐบาล กองทัพ ไม่เตรียมความพร้อม เราคงรับสถานการณ์แบบนี้ไม่ได้

นี่คือบทเรียนราคาแพงที่สุด ก็คือ ความมั่นคงของชาตินั้น อย่าให้ขึ้นอารมณ์ความรู้สึกที่ผันแปรออกไป ให้อยู่ในความสัมพันธ์ทางการ และยืนยันได้ว่าตกลงเป็นลายลักษณ์อักษร มีคนเซ็นรับรอง ถ้าจะใช้ล่ามก็ต้องใช้ล่ามสองประเทศ

"...เหล่านี้เป็นบทเรียนครั้งใหญ่..." จักรภพ อดีตรมต.สำนักนายกฯที่เคยดูแลงานประชาสัมพันธ์ของรัฐ กล่าวทิ้งท้าย