
23 มิถุนายน 2568 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เปิดเผยภายหลังหารือร่วมกับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี บนตึกไทยคู่ฟ้ากว่า 1 ชั่วโมง โดยระบุว่า ไม่ได้เป็นการหารือเรื่องสถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชา แต่เป็นการหารือเรื่องการแก้ไขปัญหาสแกมเมอร์ ที่จะมีการประชุมในวันนี้เวลา 13.30 น. เพื่อติดตามมาตรการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ ณ ตึกภักดีบดินทร์ โดยจะเชิญทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องมาหารือ เนื่องจากพบว่า สแกมเมอร์ที่อยู่ในประเทศเมียนมาลดลง ขณะเดียวกันประเทศกัมพูชาเอง ก็ถือเป็นแหล่งสแกมเมอร์ที่สำคัญ เราก็จะมีการจัดการเรื่องนี้ด้วย
ส่วนจะมีการยกระดับมาตรการชายแดนไทย-กัมพูชาหรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุว่าเป็นเรื่องของ ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย - กัมพูชา (ศบ.ทก.) หรือ ทีมไทยแลนด์ที่จะเป็นผู้พิจารณา
สำหรับกรณีที่ผู้นำกัมพูชาออกมาให้ความเห็นถึงการปฎิบัติหน้าที่ ระหว่างรัฐบาลไทยและกองทัพไทย ที่ไปกันคนละทาง นายภูมิธรรม กล่าวว่าก็เป็นไปในทางเดียวกัน ตนยืนยันว่าเป็นเอกภาพและมีการพูดคุยกันอยู่เสมอ พร้อมยกตัวอย่างว่า เมื่อสักครู่ก็มีการหารือกันระหว่าง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม พลเอกทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และส่วนต่างๆ
นอกจากนี้ ยังกล่าวถึงกรณีที่กลุ่มผู้ชุมนุมเตรียมเคลื่อนไหวในวันที่ 28 มิ.ย.นี้ โดยมองว่า กลุ่มผู้ชุมนุมเข้ามาก็มีเหตุผล วันนี้ประเทศกำลังจะเดินไปข้างหน้า และสิ่งที่กัมพูชาต้องการมากที่สุดก็คือ ความอ่อนแอในประเทศ วันนี้ไม่ได้มีเหตุผลอะไรที่จะทำ การแสดงความเห็นหรือทัศนะต่อรัฐบาลและท่านนายกรัฐมนตรีก็มีสิทธิ์ แต่อย่าหวังจะทำอะไรมากเกินเลยไป ประเทศมาถึงวันนี้
อย่างที่ตนพูดบ่อยๆ มันบอบช้ำมามากแล้ว สถานการณ์ขณะนี้มีการรบกันระหว่างประเทศ และจะปิดช่องแคบเส้นทางน้ำมัน ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรง กลุ่มผู้ชุมนุมจึงไม่ควรเป็นปัจจัยมาซ้ำเติม ถึงแม้จะได้ยินว่า มีจังหวัดตามแนวชายแดน ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ จะมีการเอาคนเข้ามาเติม ตนคิดว่าไม่ควรทำ อยากแสดงความเห็นไม่ต้องเข้ามาก็ได้ แสดงความเห็นที่จังหวัดได้เลย
ส่วนรัฐบาลมีหลักอย่างไรในการแก้ไขปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาท่ามกลางกระแสการต่อต้านของประชาชน นายภูมิธรรม ยังคงย้ำว่า ยึดหลักสันติวิธี และอยากเห็นระดับแม่ทัพภาคคุยกัน ซึ่งเท่าที่ทราบในระดับกองทัพไม่มีปัญหาพร้อมจะพูดคุย แต่ขณะนี้ปัญหาอยู่ที่ผู้นำ เราแสดงให้โลกเห็นว่า เราต้องการสันติวิธี
สิ่งที่ระมัดระวังที่สุดวันนี้คือ ประชาชนทั้งสองฝั่งชายแดน กลุ่มเปราะบางหรือกลุ่มเจ็บป่วยที่ต้องพึ่งพาบ้านเรา จึงอยากให้ครอบคลุมการดูแลทั้งสองฝ่าย โดยเราเน้นเรื่องมนุษยธรรม นอกจากนั้น เรายังคงมาตรการบังคับคนและบังคับเวลา และจะมีมาตรการที่เพิ่มมากขึ้นแต่แตกต่างออกไป ตามที่แม่ทัพภาคแต่ละส่วนเห็นสถานการณ์ในพื้นที่ แต่มีจุดสำคัญอยู่ไม่กี่จุด ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นระดับไหนก็อยากจะให้นานาชาติได้เห็นว่าเราพยายามยึดแนวสันติวิธี
ทั้งนี้ จะชี้แจงต่อสายตาโลกอย่างให้เข้าใจว่า ไทยยังยึดหลักสันติวิธี นายภูมิธรรม กล่าวว่า ขอรอมาตรการที่จะออกมาหลังประชุม ศบ.ทก. ในวันนี้ ก่อนและภัยจากสแกมเมอร์ ก็จะทำให้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น
ขณะที่ กรณีกัมพูชาประกาศไม่นำเข้าน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจากไทยนั้น นายภูมิธรรม ยืนยันว่า ไม่มีปัญหา ตนรับทราบอยู่แล้วและยิ่งใน สถานการณ์เศรษฐกิจที่เป็นแบบนี้และการถูกปิดล็อคน้ำมันเราไม่มีปัญหา
ส่วนกรณีที่กัมพูชาทำหนังสือประท้วงจากที่ นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี แจ้งความสมเด็จฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา กรณีการอัดคลิปสนทนา นายภูมิธรรม กล่าวว่าวันนี้มีเรื่องราวต่างๆ มากมาย ทั้งข่าวจริงและข่าวปลอม ซึ่งก็ถือเป็นสิทธิ์ของนายสมคิด ทางรัฐบาลก็มีสิทธิ์ที่จะชี้แจงหรือประท้วง ถือเป็นกลไกปกติของการต่างประเทศ
เมื่อถามย้ำว่า แต่ทางกัมพูชายืนยันว่า การอัดคลิปเสียงเป็นเรื่องปกติที่นานาชาติยอมรับ นายภูมิธรรม ย้อนถามกลับว่าใคร “อ้าวไหนเห็นแก้ตัวกลับว่าไม่ได้เป็นคนทำเอง” พร้อมขอให้ฟังกันหน่อย จริงๆ ก็เป็นคนออกเฟซบุ๊กมาเอง ท่านก็ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ท่านทำ ส่วนจะแก้ตัวอย่างไรก็เป็นเรื่องของท่านไม่เกี่ยวกับตน กลไกทางต่างประเทศทำอะไรได้แค่ไหน เหมาะสมหรือไม่ โลกเขารู้ ใครจะไม่รู้แต่โลกรู้ ก็คงไม่มีอะไร โลกเขาก็คงรู้แหละ