svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

“พีระพันธุ์” ซุ่มเรียกประชุมกองทุนอนุรักษ์ฯ เร่งเคาะงบ 3.5 พันล.

จับตา “พีระพันธุ์” เรียกประชุม “กองทุนอนุรักษ์พลังงาน” สั่งบอร์ดเร่งเคาะงบค้างท่อ 3.5 พันล้าน ทิ้งทวนก่อนปรับ ครม.หรือไม่

7 มิถุนายน 2568 แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงานเปิดเผยว่า ในจันทร์ที่ 9 มิ.ย.นี้ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (ส.กทอ.) ได้เรียกประชุมคณะกรรมการ ส.กทอ.ชุดใหญ่ที่ห้องประชุม 2503 ตึกบัญชาการ 2 ทำเนียบรัฐบาล
 

โดยมีวาระสำคัญคือ การอนุมัติร่างประกาศเปิดรับข้อเสนอโครงการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 ที่มีวงเงินประจำปีงบประมาณรอการอนุมัติอยู่กว่า 3,500 ล้านบาท
 

ทั้งนี้เป็นที่น่าจับตาว่าการประชุม ส.กทอ.ที่มี นายพีระพันธุ์ เป็นประธานในครั้งนี้ เพิ่งจะจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 ของปี โดยก่อนหน้านี้มีการประชุมไปครั้งแรกตั้งแต่เมื่อเดือน ม.ค. โดยการเรียกประชุมในครั้งนี้ เกิดขึ้นท่ามกลางกระแสการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.)ที่จะเกิดขึ้นในเดือน มิ.ย. โดยมีรายชื่อของนายพีระพันธุ์ อยู่ในข่ายถูกปรับออกจากตำแหน่ง รมว.พลังงาน เช่นกัน

แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า บอร์ด ส.กทอ.หลายคนได้มีการตั้งข้อสังเกตว่า การประชุมครั้งนี้ถือเป็นการประชุมที่สำคัญของกองทุนอนุรักษ์พลังงาน เนื่องจากมีการอนุมัติการประกาศรับสมัครโครงการที่ขอสนับสนุนจาก ส.กทอ.ซึ่งมีวงเงินงบประมาณของกองทุนที่รออนุมัติอยู่ถึง 3,500 ล้านบาท

ตามปกติการดำเนินการในเรื่องนี้ต้องมีความรอบคอบ และความโปร่งใสในการดำเนินการ แต่นายพีระพันธุ์กลับสั่งให้มีการเร่งรัดดำเนินการในหลายขั้นตอน ตั้งแต่การเร่งรัดเรียกประชุมคณะกรรมการ รวมทั้งมีคำสั่งให้เร่งรัดออกประกาศเปิดรับข้อเสนอโครงการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานทันทีในวันที่ 10 มิ.ย.ซึ่งเป็นวันรุ่งขึ้นจากการประชุมในครั้งนี้ทันที
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน

 

ในการประชุมครั้งนี้ก็ไม่มีการแจ้งกำหนดการประชุม และการแถลงข่าวให้กับสื่อมวลชนสายพลังงาน หรือสื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาลรับทราบแต่อย่างใด เสมือนว่านายพีระพันธุ์ไม่ต้องการให้สาธารณชนรับทราบหรือติดตามข่าวสารในเรื่องนี้

จะเห็นว่าการดำเนินการที่เร่งรีบ และไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ ย่อมทำให้หน่วยงานที่ไม่ได้รับทราบข่าวสารต่างๆ ไม่สามารถยื่นข้อเสนอโครงการเข้ามาได้ทัน ตามกำหนดระยะเวลาที่คณะกรรมการคัดเลือกกำหนดไว้ จนอาจเปิดทางให้เครือข่ายพรรคพวกของตนเอง สามารถที่จะยื่นโครงการเข้ามาของบประมาณได้ก่อน

จับตาล็อกสเป็ก “โซลาร์ต้นแบบ” ชิงงบฯพัฒนากว่า 400 ล้าน
 

ที่น่าสนใจก็คือ ช่างเป็นความพอดิบพอดีที่ในปีนี้ นายพีระพันธุ์ ได้สั่งให้มีการกำหนดหลักเกณฑ์ในการจัดสรรงบประมาณของกองทุนฯในวงเงินกว่า 400 ล้านบาท จากวงเงินทั้งหมด 3,500 ล้านบาท ไปให้กับโครงการที่เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ไม่เคยดำเนินการมาก่อน เป็นโครงการสาธิตในพื้นที่เฉพาะ และให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีที่พัฒนาโดยคนไทย ซึ่งจากการกำหนดคุณสมบัติแบบนี้คล้ายกับการล็อกสเป็กในการประมูลราคาโครงการต่างๆ

แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน กล่าวต่อว่า ช่างเป็นความบังเอิญอย่างไม่น่าเชื่ออีกเช่นกันว่า เมื่อปลายปี 2567 นายพีระพันธุ์ได้ออกมาสนับสนุน “โครงการโซลาร์ราคาถูก” ซึ่งโครงการนี้ยังเป็นโครงการต้นแบบที่ยังไม่ได้ใช้จริงในเชิงพาณิชย์ แต่นายพีระพันธุ์ก็ได้ออกมาเล่นใหญ่ สนับสนุนโครงการนี้ถึงขนาดบอกว่า โครงการนี้จะทำให้คนไทยได้ใช้โซลาร์เซลล์ราคาถูก แข่งขันกับเทคโนโลยีระดับโลกได้

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจากศูนย์ทดสอบผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ สวทช. (PTEC) ระบุว่า อินเวอร์เตอร์ที่ใช้กับแผงโซลาร์เซลล์ในโครงการต้นแบบนี้ยังไม่ได้มาตรฐาน และมีการตรวจสอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพบด้วยว่า วัสดุอุปกรณ์บางตัวนั้นคนประดิษฐ์ซื้อจากต่างประเทศ มาแกะแล้วประกอบใหม่เพื่อให้ราคาถูกลง ไม่ได้เข้าข่ายการสร้างเทคโนโลยีด้านพลังงานใหม่แต่อย่างใด

ที่สำคัญหากปล่อยให้มีการใช้งานโดยยังไม่ผ่านมาตรฐานการทดสอบ อาจเกิดอันตรายกับบ้านเรือนประชาชนได้ จึงต้องจับตาว่าหากมีการยื่นโครงการนี้เข้ามาเพื่อของบฯ จากกองทุนอนุรักษ์ฯ ก็เท่ากับว่า นายพีระพันธุ์ใช้อำนาจหน้าที่เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับโครงการที่ตนเองสนับสนุน ทั้งที่โครงการยังไม่ผ่านการทดสอบ
 

“การเร่งรีบประชุม และอนุมัติการออกประกาศรับสมัครโครงการ จึงเป็นเหมือนบันไดขั้นแรก ที่นายพีระพันธุ์ จะได้ควบคุมการอนุมัติงบประมาณ และโครงการที่จะได้เงินจากกองทุนฯ นี้ ซึ่งคงหนีไม่พ้นการเอื้อประโยชน์ให้กับพวกพ้อง หรือนำเงินที่ได้นี้ไปต่อยอดโครงการ ที่จะสร้างประโยชน์ทางการเมือง

หากมีการประชุมเกิดขึ้นจริง แล้วมีการอนุมัติให้เริ่มออกประกาศรับข้อเสนอโครงการเข้ามาสู่การพิจารณา ก็จะเป็นจุดเริ่มต้นของความเสี่ยงของคณะกรรมการทุกคน ที่อาจติดร่างแหไปด้วย เหมือนที่ในอดีตเคยเกิดปัญหากับอดีตข้าราชการระดับสูงของกระทรวงพลังงาน ที่ถูกสอบสวนและลงโทษสถานหนัก” แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน กล่าว