“ศิริกัญญา” ซัด! รบ.จัดงบไม่รับมือสงครามการค้า-เมินวิกฤต ศก.

นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน กล่าวสรุปการอภิปรายร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 วงเงิน 3,780,600 ล้านบาทของฝ่ายค้าน ที่คณะรัฐมนตรี ได้เสนอต่อประชุมสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อเนื่องในวันสุดท้ายวาระแรก โดยได้ตอบโต้การชี้แจงของรัฐมนตรีที่มักอ้างกาละเทศะ ทั้งที่ปัญหาของประเทศเผชิญกับปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง ทำให้ฝ่ายค้านต้องหาเงินช่วย แต่กลับมีการคอร์รับชัน หรือสุ่มเสี่ยงเกิดคอร์รับชัน เพื่อไม่ให้เกิดการหักหัวคิว 

นางสาวศิริกัญญา ยังเห็นว่า สงครามการค้าของสหรัฐอเมริกา ยังไม่จบง่าย ๆ หลังศาลอุทธรณ์ได้ยุติการชะลอมาตรการภาษีทรัมป์ และประธานาธิบดีทรัมป์ ก็ยังมีไพ่อีกหลายใบที่จะทำได้ ดังนั้น ความไม่แน่นอนจึงยังมีอยู่สูงมาก และสงครามการค้า จะไม่จบลงง่าย ๆ ทำให้เศรษฐกิจไทยโตแค่ 1.3% และในปีหน้าอาจขึ้นได้เพียง 1% หรือสงครามการค้าจะจบลงด้วยตี ก็ไม่ได้ช่วยให้เศรษฐกิจไทยดีขึ้น เพราะต้องเผชิญกับพายุเศรษฐกิจจากภายนอก รวมทั้งยังไม่มีการเตรียมงบประมาณสำหรับกองทุน FTA เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการกำแพงภาษีสหรัฐอเมริกา

นางสาวศิริกัญญา ยังระบุว่า แม้ตนเองจะเสนอให้รัฐบาล นำร่างงบประมาณฉบับนี้ กลับไปแก้ไขก่อน แต่รัฐบาลก็อ้างเวลา และความฉลาดของรัฐบาล ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายวิธีงบประมาณ ทั้งที่ปี 2567 รัฐบาลมีการรื้องบประมาณไปถึง 2 ครั้ง เพื่อหาเงินมาดำเนินโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ทั้งที่ปัจจุบัน มีวิกฤตมารอแล้ว แต่รัฐบาลกลับไม่แก้ไข และกรรมาธิการฯ ก็ไม่สามารถแก้ไขใด ๆ ได้อีกแล้ว 

ส่วนงบกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลนั้น นางสาวศิริกัญญา ยังระบุว่า ตามงบประมาณ 2569 ของรัฐบาลได้เตรียมงบประมาณไว้ 25,000 ล้านบาทในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ประชาชน 2,500,00 คน จะต้องลุ้นว่า จะเป็นกลุ่มเยาวชน คนทำงาน หรือกลุ่มคนใกล้เกษียณที่จะได้รับเงิน แม้นายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี จะเชียร์ให้รัฐบาลแจก มิเช่นนั้น จะได้ “นายกเท้ง” แน่นอน แต่หากรัฐบาลจะแจกแบบนี้ แม้จะใกล้เลือกตั้ง แจก 20,000 บาท ตนก็มั่นใจว่า ยังได้ “นายกเท้ง” เหมือนเดิม 

นางสาวศิริกัญญา ยังช่วยรัฐบาลหาเงินหลังงบประมาณของรัฐบาล จัดมาไม่ตรง ไม่เตรียม และกังวลว่า ท่าจะไม่ดีแน่นอน จึงช่วยรัฐบาลหาเงิน หลังรัฐบาลนำงบประมาณ 157,000 ล้านบาทผลาญลงทะเล โดยแนะนำให้รัฐบาล อุดรูรั่วคอร์รับชัน หยุดอุ้มผู้รับเหมาชั้นพิเศษ และเปิดให้มีการแข่งขันแบบ E-Bidding วัดกันที่ความรู้ ความสามารถ และฝีมือ, เลิกโครงการสุ่มเสี่ยงคอร์รับชัน ลดโครงการที่ราคาแพงเกินจริง และจัดลำดับความสำคัญใหม่ เช่น เลิกฮั้วประมูลถนน ประหยัดได้ 8,000 ล้านบาท เลื่อนงวดงานไซส์ตึก ประหยัดได้ 10,000 ล้าน ลดอีเวนท์ซ้ำซ้อน 2,000 ล้านบาท ลดส่วนต่างหนังสือเรือน 1,000 ล้านบาท และเลิก ลด เลื่อนในกระทรวงกลาโหม ประหยัดได้อีก 10,000 ล้าน รวมแล้วไม่ต่ำกว่า 30,000 ล้านบาท, การเปลี่ยนวิธีตั้งงบแบบเดิม ไปตั้งงบประมาณใหม่ที่ให้ผลทวีคูณ

นางสาวศิริกัญญา จัดกล่าวถึงการจัดซื้อเรือฟริเกต โดยยืนยันว่า เข้าใจถึงความจำเป็นที่จะต้องมีเรือฟริเกตอีก 1 ลำ ทั้งที่ในปี 2567 พรรคฝ่ายค้าน สนับสนุนให้มีการจัดซื้อ เพราะจะได้ทั้งเทคโนโลยีต่อเรือ และอุตสาหกรรมต่อเนื่อง แต่รัฐบาลกลับปฏิเสธ ดังนั้น หากในปีนี้ เลื่อนออกไปก่อน เพื่อปีหน้าให้ได้ 2 ลำ และเศรษฐกิจในปี 2570 อาจจะดีขึ้น น่าจะมีประโยชน์มากขึ้น และเป็นการจัดซื้อแบบมียุทธศาสตร์ ที่จะสามารถเกิดการลงทุนในประเทศ ทำให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างยั่งยืน 

นางสาวศิริกัญญา ยังเห็นว่า ในปีงบประมาณ 2564 ประเทศเผชิญกับวิกฤตโควิด-19 และรัฐบาลในขณะนั้น ไม่ได้จัดงบเพื่อตอบโจทย์วิกฤตโควิด-19 ซึ่งความรู้สึกในวันนั้น ไม่ได้ต่างจากวันนี้ ที่จะต้องรื้องบประมาณใหม่หมด ซึ่งจะสะท้อนว่า รัฐบาลหมดความชอบธรรมที่จะบริหารประเทศ หรือต้องยุบสภา แต่ตนเอง ก็ได้เรียนรู้การเมืองแห่งความเป็นจริงว่า ไม่มีนายกรัฐมนตรีคนใด จะยุบสภาในความนิยมย่ำแย่ เว้นแต่จะมีศึกภายในจากพรรคร่วมรัฐบาลกันเอง พร้อมขออย่างนำพรรคประชาชน ไปเป็นตัวประกันระหว่างการทะเลาะกัน 2 พรรค พร้อมมั่นใจว่า ร่างงบประมาณ เมื่อเข้าสู่การพิจารณาในชั้นกรรมาธิการแล้ว คงเปลี่ยนอะไรไม่ได้มาก แต่ฝ่ายค้าน จะทำหน้าที่ต่อไป และตรวจสอบงบประมาณอย่างเต็มที่ ลด เลิก เลื่อนโครงการที่ไม่จำเป็น ไม่สำคัญ เพื่อให้สมศักดิ์ศรีฝ่ายค้าน