14 เมษายน 2567 จากเหตุการณ์อิหร่านเปิดฉากโจมตีใส่อิสราเอล ก่อนที่ทางสถานเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล ได้ออกประกาศแนวทางปฏิบัติความปลอดภัย เพื่อเตือนคนไทยที่เดินทางไปทำงานนั้น
"รมว.แรงงาน" ยังไม่มีแรงงานไทยเจ็บ-เสียชีวิต
โดย "นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ" รมว.แรงงาน เปิดเผยว่า ส่วนตัวมีความห่วงใยแรงงานไทยที่เดินทางไปทำงานในอิสราเอล จึงได้สั่งการให้อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายแรงงาน) ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล เร่งตรวจสอบและดูแลแรงงานไทยอย่างใกล้ชิดทันที
ทั้งนี้ "นายกิตติ์ธนา ศรีสุริยะ" อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายแรงงาน) ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ รายงานมาว่า ขณะนี้ยังไม่มีแรงงานไทยได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิตจากการโจมตี ในสถานการณ์ดังกล่าวแต่อย่างใด
"ปลัดแรงงาน" ขอคนไทยติดตามประกาศใกล้ชิด
ด้าน "นายไพโรจน์ โชติกเสถียร" ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ขอให้แรงงานไทยที่ทำงานอยู่ในอิสราเอลทุกคน ปฏิบัติตามมาตรการของทางการอิสราเอลอย่างเคร่งครัด ติดตามข้อมูลข่าวสารจากทางสถานทูตไทยอย่างใกล้ชิด รวมทั้งให้ติดตามประกาศของแต่ละท้องถิ่น หรือแจ้งข้อมูลมายังฝ่ายแรงงาน ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ หากต้องการขอรับความช่วยเหลือ หรือได้รับผลกระทบ เพื่อจะได้วางแผนในการให้ความช่วยเหลือต่อไป
"ขอให้ญาติของแรงงานไทยที่ไปทำงานในประเทศอิสราเอล อย่าเพิ่งตื่นตระหนก ขอให้มั่นใจว่ารัฐบาลไทย ทั้งสถานทูตและกระทรวงแรงงาน จะให้การคุ้มครองดูแลอย่างดีที่สุด และจะเร่งติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด" ปลัดกระทรวงแรงงาน ระบุ
ทั้งนี้ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ได้ออกประกาศเตือนคนไทยในอิสราเอลถึงแนวปฏิบัติด้านความปลอดภัย โดยขอให้ปฏิบัติ ดังนี้
1) ห้ามมีการชุมนุมมากกว่า 1,000 คน ในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ และปิดสถาบันการศึกษา
2) ในพื่นที่สู้รบ ห้ามชุมนุมมากว่า 30 คน
3) สถานที่ทำงานเปิดได้เฉพาะที่มีห้องหลบภัย โดยรัฐบาลได้ประกาศปิดน่านฟ้าและงดเที่ยวบินทั้งหมด ตั้งแต่เวลา 00.30 น. ของวันที่ 14 เมษายน 2567 เป็นต้นไปจนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง
สำหรับคนไทยที่ได้รับผลกระทบโปรดติดต่อได้ที่สถานเอกอัครราชทูตฯ หมายเลขโทรศัพท์ (+972) 5 4636 8150 (+972) 5 0367 3195
กต.กังวลสถานการณ์อิสราเอล-อิหร่าน
ขณะที่ กระทรวงการต่างประเทศ แสดงความห่วงกังวลต่อสถานการณ์อิสราเอล-อิหร่าน ตามที่ได้แจ้งเตือนคนไทยให้พิจารณางดเว้นการเดินทางไปยังพื้นที่ดังกล่าว นั้น
ทั้งนี้ กระทรวงได้รับรายงานจาก สถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล ว่า มีการโจมตีอิสราเอลด้วยโดรน และขีปนาวุธจำนวนมากในหลายทิศทาง โดยทางการอิสราเอล ได้ประกาศเตรียมความพร้อมในการตั้งรับ และสกัดการโจมตีดังกล่าว และทางการอิสราเอลได้ออกแนวปฏิบัติด้านความปลอดภัย ตั้งแต่วันเสาร์ที่ 13 เม.ย. ถึงวันที่ 15 เม.ย. 2567 เวลา 23.00 น. โดยเฉพาะการจำกัดจำนวนการชุมนุมในจุดต่าง ๆ ของประเทศตามสถานการณ์ของพื้นที่
ไร้รายงานคนไทยอยู่ในสองชาติรับผลกระทบ
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีคนไทย พำนักอยู่ในอิสราเอลประมาณ 28,000 คน และในอิหร่านประมาณ 300 คน โดยสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงเทลอาวีฟ และสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงเตหะราน ได้ติดต่อกับชุมชนไทย เพื่อแจ้งข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับพัฒนาการของสถานการณ์เป็นระยะเสมอมา โดยขณะนี้ ยังไม่มีรายงานคนไทยในอิสราเอล และอิหร่านได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว
ทั้งนี้ ประเทศไทยมีความห่วงกังวลต่อสถานการณ์ดังกล่าวเป็นอย่างยิ่ง และขอให้ทุกฝ่าย ยับยั้งชั่งใจ เพื่อมิให้สถานการณ์ย่ำแย่ลง ซึ่งจะมีผลกระทบต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยกระทรวงการต่างประเทศ จะติดตามพัฒนาการอย่างใกล้ชิด และร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดแนวทางการให้ความช่วยเหลือคนไทยในพื้นที่กรณีจำเป็น
"ขอให้พี่น้องคนไทยทุกคนปลอดภัย โดยขอให้คนไทย ทั้งในอิสราเอล และพื้นที่ใกล้เคียง เฝ้าระวังสถานการณ์ ติดตามข่าวสารของทางการท้องถิ่น และจากสถานเอกอัครราชทูตไทยทุกแห่ง โดยเฉพาะสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ และในกรณีฉุกเฉินพี่น้องคนไทย สามารถติดต่อขอรับความช่วยเหลือเร่งด่วนได้ ทั้งสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงเทลอาวีฟ และสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงเตหะราน" กระทรวงการต่างประเทศ ระบุ