จากปรากฏการณ์ข้างต้น จึงไม่อาจมองข้ามว่านี่คืออีกหนึ่งสัญญะการเมืองที่สำคัญ ตั้งแต่ผู้ชายชื่อ "ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางกลับประเทศไทยมา
โดยแหล่งข่าวระดับสูงในทางการเมือง ได้สะท้อนเรื่องราวที่เกิดขึ้นผ่านตัว "จักรภพ เพ็ญแข" ซึ่งกลับมาถึงประเทศ พร้อมเข้าให้การต่อกองปราบฯ ก่อนจะได้รับการประกันตัว ไว้อย่างน่าสนใจ ดังนี้
แต่การกลับมาของ "จักรภพ" หากมองเชิงการเมืองภาพรวม จะกลายเป็นจุดเริ่มที่น่าสนใจ อย่างเช่น พาคนการเมืองกลับบ้าน หรือเป็นการเริ่มต้นของการติดกระดุมเม็ดแรกในเรื่องความปรองดองสมานฉันท์ โดยเริ่มจากคนที่ไม่มีคดีร้ายแรง แต่เห็นต่างทางการเมือง และไม่ยอมรับอำนาจทหารก่อน
ทว่า การกลับมาแบบไม่ทันได้ตั้งตัวของ "จักรภพ" ทำให้ถูกตั้งคำถาม โดยเฉพาะความเชื่อมโยงพร้อมกับการเคลื่อนไหวของ "ทักษิณ" ณ เวลานี้
หรือคือภารกิจของอดีตนายกฯ ที่กำลังเริ่มต้นสร้างบรรยากาศปรองดอง โดยเริ่มจากตัวเองที่กลับมา แม้จะถูกข้อครหา โดยวิพากษ์วิจารณ์ แต่ยังคงเดินหน้าทำต่อไป เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
จากนั้นจึงเริ่มขยับอีกสเต็ปในการทยอยติดต่อชักชวน "คนคิดต่าง" ให้กลับประเทศ เพื่อสร้างบรรยากาศปรองดอง โดยไม่ต้องมีกฎหมายนิรโทษกรรม และไม่ต้องเสนอแก้ไข มาตรา 112
ดังนั้น จึงกลายเป็นนัยทางการเมืองสำคัญ คือ ปรองดองได้ โดยไม่ต้องมีหรือต้องพึ่งกลไกของพรรคก้าวไกล และอาจเปิดโอกาสนำไปสู่การกลับประเทศไทยของน้องสาว "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร"
ทว่า ความท้าทายที่สำคัญ คือ รากเหง้าของความขัดแย้งปัจจุบัน ก้าวข้ามเรื่อง "เหลือง-แดง" ไปแล้ว แต่เป็นเรื่องความต่างทางความคิดของคนต่างช่วงวัย หรือความต่างระหว่างเจนเนอเรชั่น ซึ่งมีวิธีการและเป้าหมายต่างกันสิ้นเชิง แถมไม่ยอมรับกันและกันด้วย
ไม่แน่ว่าแผนปรองดองแบบไทยๆ หนนี้ อาจสร้างความขัดแย้งรอบใหม่ และสร้างแลนด์สไลด์ทางการเมืองในการเลือกตั้งครั้งต่อไป...ก็เป็นไปได้เหมือนกัน