27 ธันวาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ลงนามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 381/2566 เรื่อง แก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งมอบหมายและมอบอำนาจ ให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี เมื่อ 25 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยมีสาระสำคัญ คือ
1.การมอบหมายและมอบอำนาจให้ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายภูมิธรรม เวชยชัย ปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี
2.การมอบหมายและมอบอำนาจให้ รองนายกรัฐมนตรี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี กระทรวงสาธารณสุข
3.การมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรี นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี กระทรวงยุติธรรม (ยกเว้นกรมสอบสวนคดีพิเศษ)
ทั้งนี้ มีรายงานถึงการตั้งข้อสังเกตว่า การแบ่งงานครั้งล่าสุดนี้ อาจเกี่ยวข้องกับกรณีการรักษาตัวนอกเรือนจำ ของอดีตนายกรัฐมนตรี นายทักษิณ ชินวัตร ที่โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งอยู่เกิน 120 วันไปแล้วหรือไม่ โดยในช่วงที่ผ่านมา นายเศรษฐา รวมถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ต่างปฏิเสธตอบคำถามสื่อมวลชนในหลายโอกาส ถึงเรื่องนายทักษิณ พร้อมกับระบุสอดคล้องกันว่า เป็นหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจ
ขณะที่ นายสมศักดิ์ มักชี้แจงประเด็นดังกล่าวที่สังคมสงสัยมาตลอด ซึ่งเกี่ยวข้องกับระเบียบกรมราชทัณฑ์ ว่าด้วยการดำเนินการสำหรับการคุมขังในสถานที่คุมขัง พ.ศ.2566 ที่กำหนดเงื่อนไขการคุมขังนอกเรือนจำ และยังเคยออกมาเตือน กมธ.ตำรวจ อาจถูกฟ้องดำเนินคดี หากเข้าตรวจค้นชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ โดยพลการ
ล่าสุด เมื่อวานนี้(26 ธ.ค.) นายสมศักดิ์ ได้ให้สัมภาษณ์ตำหนิ กรมราชทัณฑ์ ทำงานเช้าชามเย็นชาม ในกรณีนายทักษิณ และยังระบุว่า เรื่องที่เกี่ยวข้องกับนายทักษิณ ไม่กระทบเสถียรภาพรัฐบาล เพราะเงื่อนไขของกฎหมายและระเบียบราชทัณฑ์มีความชัดเจน ถ้าปฏิบัติตามแนวทางและกรอบของกฎหมาย หากข้าราชการทำตามทุกอย่างก็เดินไปตามปกติ แต่ถ้าทำๆหยุดๆ ไม่จริงจัง ทำไปโดยที่ไม่เข้าใจจะเป็นปัญหา ก็เป็นปัญหาอย่างนี้ ลามไปถึงการพูดถึง เด็กฝากที่ทำงานไม่เป็น เงอะงะ กลัว
ทั้งนี้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ลงนามในคำสั่งมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 13 ก.ย. 66 ดังนี้
1. นายภูมิธรรม เวชยชัย
1.1 มอบหมายและมอบอำนาจให้กำกับการบริหารราชการแทนนายกรัฐมนตรี ดังนี้
1.2 มอบหมายและมอบอำนาจให้กำกับการบริหารราชการและสั่งและปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี ดังนี้
1.3 มอบหมายให้กำกับดูแลองคืการมหาชนและหน่วยงานของรัฐ ดังนี้
2. นายสมศักดิ์ เทพสุทิน
2.1 มอบหมายและมอบอำนาจให้กำกับการบริหารราชการแทนนายกรัฐมนตรี ดังนี้
2.2 มอบหมายและมอบอำนาจให้กำกับการบริหารราชการและสั่งและปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี ดังนี้
2.3 การดำเนินคดีปกครอง รวมทั้งลงนามมอบอำนาจให้พนักงานอัยการดำเนินคดีปกครองกรณีที่มีการฟ้องนายกรัฐมนตรี
3. นายปานปรีย์ พหิทธานุกร
3.1 มอบหมายและมอบอำนาจให้กำกับการบริหารราชการแทนนายกรัฐมนตรี ดังนี้
3.2 มอบหมายและมอบอำนาจให้กำกับการบริหารราชการและสั่งและปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี ดังนี้
4. นายอนุทิน ชาญวีรกูล
4.1 มอบหมายและมอบอำนาจให้กำกับการบริหารราชการแทนนายกรัฐมนตรี ดังนี้
4.2 มอบหมายและมอบอำนาจให้กำกับการบริหารราชการและสั่งและปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี ดังนี้
5. พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ
5.1 มอบหมายและมอบอำนาจให้กำกับการบริหารราชการแทนนายกรัฐมนตรี ดังนี้
6. นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค
6.1 มอบหมายและมอบอำนาจให้กำกับการบริหารราชการแทนนายกรัฐมนตรี ดังนี้
7. นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด
7.1 มอบหมายและมอบอำนาจให้กำกับการบริหารราชการแทนนายกรัฐมนตรี ดังนี้
7.2 มอบหมายให้กำกับรัฐวิสาหกิจ ดังนี้
7.3 มอบหมายให้กำกับดูแลองค์การมหาชนและหน่วยงานของรัฐ ดังนี้
ขณะที่ นายสมศักดิ์ กล่าวภายหลังมีคำสั่งนายกฯ ที่มอบให้ไปกำกับดูแลงานกระทรวงสาธารณสุข แทนกระทรวงยุติธรรมว่า ไม่จำเป็นต้องให้เหตุผล เพราะเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรีที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอด และส่วนตัวไม่อยากถาม เพราะเป็นนักการเมือง ต้องพร้อมที่จะทำงาน และกระทรวงสาธารณะสุข ตนเคยเป็นรัฐมนตรีว่าการและรัฐมนตรีช่วยมาก่อน ซึ่งมีงานมากกว่าทางของกระทรวงยุติธรรมหลายเท่า หากเข้าไปสอบถามอาจจะถูกมองว่าอยากทำงานเบา จึงไม่ถามดีกว่า
ส่วนที่มีการตั้งข้อสงสัยว่าอาจเป็นเพราะตนออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับคดี "นายทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกฯ จนสังคมจับจ้องรัฐบาลนั้น ซึ่งขอย้ำคำเดิมว่า ไม่ได้สงสัยอะไร ว่ากันไปตามระเบียบกฏเกณฑ์ ซึ่งมีแต่คนบอกว่าดีแล้วเพราะทำให้สังคมเข้าใจ
"ผมยืนยันคำเดิมว่า ไม่ถาม และยืนยันไม่ได้น้อยใจ ส่วนงานกระทรวงสาธารณสุข ไม่ได้เบา มีปริมาณงานมากกว่า และมีความรับผิดชอบมากกว่า แต่การเปลี่ยนให้ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ และรมว.พลังงาน มาดูแลแทน อาจจะเหมาะสมมากกว่า หรืออาจจะไม่ใช่ หรือการเปลี่ยนงานเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ เป็นเรื่องปกติ" นายสมศักดิ์ ระบุ
ส่วนที่ให้นายพีระพันธุ์ไปดูแลงานกระทรวงยุติธรรมแทนเพราะในอนาคตจะมีงานสำคัญหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ และไม่น่าจะมี อาจจะเป็นเรื่องของความเหมาะสม
เมื่อถามว่า ในอนาคตอาจจะมีเรื่องที่ไม่อยากให้พรรคเพื่อไทยเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า อย่าคิดมากเลย การปรับงานใหม่ ตนดีใจ และที่ผ่านมา ตนใช้บริการงานด้านสาธารณสุขมาโดยตลอด จึงอาจจะเหมาะสมมากกว่า
"ไม่ใช่ว่าอยากดูงานกระทรวงสาธารณสุขมากกว่ากระทรวงยุติธรรม แต่การเป็นนักการเมืองต้องพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ ได้ตลอด" รองนายกฯ ระบุ
ส่วนรู้สึกโล่งใจหรือไม่ที่ไม่ต้องรับผิดชอบงานที่รับเผือกร้อน นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ไม่เห็นจะเป็นเผือกร้อนอะไรเลย ทำงานมาหลายสมัย งานทุกอย่างมีทางออก เพราะมีคำตอบอยู่แล้ว ขออย่าไปซีเรียสแทนตน ทุกอย่างสบายสบาย ส่วนที่ไม่กังวลเพราะไม่ได้ถูกมองเป็นเป้าใช่หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวติดตลกว่า เป็นเป้าก็ดีจะได้ออกทีวีทุกวัน