
KEY
POINTS
การแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก โมโตจีพี 2025 สนามที่ 17 รายการ เจแปนีส กรังด์ปรีซ์ ณ โมบิลิตี้ รีสอร์ท โมเตกิ ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันอาทิตย์ที่ 28 กันยายนที่ผ่านมา มีเรื่องราวที่น่าสนใจเกิดขึ้นหลายด้าน ทั้งการคว้าแชมป์โลกของนักบิดระดับตำนาน และผลงานอันยอดเยี่ยมของทีมแข่ง ฮอนด้า
ผลการแข่งขันในรอบเมนเรซ (Main Race) ปรากฏว่า ฟรานเชสโก้ บัญยาญ่า จากทีม Ducati Lenovo ซึ่งออกสตาร์ตจากโพลโพซิชั่น สามารถควบรถเข้าเส้นชัยเป็นคันแรกด้วยเวลา 42 นาที 09.312 วินาที
ขณะที่ มาร์ค มาร์เกซ ซึ่งเข้าเส้นชัยในอันดับ 2 ด้วยเวลาตามหลัง 4.196 วินาที ได้ทำคะแนนสะสมรวมขาดลอย คว้าตำแหน่ง แชมป์โลก โมโตจีพี ประจำปี 2025 ไปครองได้สำเร็จเป็น สมัยที่ 7 ในรุ่นใหญ่ ซึ่งทำให้เขามีสถิติเทียบเท่ากับ วาเลนติโน่ รอสซี่ ตำนานชาวอิตาเลียน และเป็นการคว้าแชมป์โลกในทุกรุ่นรวมเป็นสมัยที่ 9 ของ มาร์เกซ
ไฮไลท์สำคัญอีกประการคือฟอร์มอันดุดันของ โจอัน เมียร์ อดีตแชมป์โลกปี 2020 จากทีม Repsol Honda ที่ออกตัวจากกริดที่ 2 แต่แม้จะออกสตาร์ตได้ไม่ดีนัก นักบิดสแปนิชรายนี้ก็สามารถไล่แซงคู่แข่งขึ้นมายึดอันดับ 3 ได้สำเร็จในช่วงครึ่งทางของการแข่งขัน และเข้าเส้นชัยคว้า โพเดียมแรก ของเขากับทีม ฮอนด้า เอชอาร์ซี ได้อย่างยอดเยี่ยม
ส่วน โยฮันน์ ซาร์โก นักบิดจอมเก๋าจาก LCR Honda ก็ทำผลงานได้ดีเช่นกัน โดยเข้าเส้นชัยในอันดับที่ 9 ขณะที่ ลูก้า มารินี่ และนักบิดทดสอบชาวญี่ปุ่น ทาคาอากิ นาคากามิ ต่างไม่จบการแข่งขันในเรซนี้
ด้านนักบิดไทยหนึ่งเดียวในรุ่นใหญ่ "ก้อง" สมเกียรติ จันทรา หมายเลข 35 จากทีม Idemitsu Honda LCR ซึ่งออกสตาร์ตจากกริดที่ 20 ได้แสดงฝีมือด้วยการไล่แซงคู่แข่งขึ้นมาอย่างดุเดือดตลอด 24 รอบสนาม ก่อนจะเข้าเส้นชัยในอันดับที่ 15 ด้วยเวลาตามหลังผู้ชนะ 30.990 วินาที
การจบอันดับที่ 15 ทำให้ สมเกียรติ คว้า 1 คะแนนสะสมในศึกโมโตจีพี ให้กับตัวเองได้สำเร็จ ทำให้ยอดรวมคะแนนสะสมในรุ่นใหญ่ของเขาเพิ่มเป็น 3 แต้ม
ศึก โมโตจีพี 2025 สนามถัดไป จะย้ายไปดวลความเร็วกันต่อที่ อินโดนีเซียน กรังด์ปรีซ์ ณ เปอร์ตามิน่า มันดาลิกา อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ในระหว่างวันที่ 3-5 ตุลาคมนี้