
KEY
POINTS
การแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ สุดสัปดาห์นี้มีเกมบิ๊กแมตช์ที่แฟนบอลทั่วโลกรอคอย เมื่อสองยักษ์ใหญ่แห่งแดนผู้ดีอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ อาร์เซนอล จะลงสนามปะทะกันที่สนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด ในวันอาทิตย์นี้ เวลา 22.30 น. โดยทั้งสองทีมต่างต้องการเริ่มต้นฤดูกาลใหม่ด้วยชัยชนะเพื่อก้าวแรกในการกอบกู้ความยิ่งใหญ่ของสโมสร
หลังจากจบฤดูกาลที่น่าผิดหวังด้วยอันดับที่ 15 ของพรีเมียร์ลีก และพ่ายแพ้ในนัดชิงชนะเลิศยูโรปา ลีก รูเบน อโมริม กุนซือชาวโปรตุกีสยังคงได้รับความไว้วางใจจากสโมสรให้คุมทัพในฤดูกาลนี้ โดยการที่ทีมไม่ได้ลงเล่นฟุตบอลยุโรปจะทำให้พวกเขามีสมาธิกับการแข่งขันในประเทศอย่างเต็มที่
ฟอร์มในช่วงปรีซีซันของ แมนฯ ยูไนเต็ด ถือว่าน่าพอใจ พวกเขาไม่แพ้ใครเลยจาก 5 นัด และคว้าแชมป์รายการพรีเมียร์ลีก ซัมเมอร์ ซีรีส์มาได้ ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีว่าทีมเริ่มมีความลงตัวมากขึ้น หลังจากต้องเผชิญกับปัญหาฟอร์มการเล่นที่ไม่คงที่ตลอดฤดูกาลที่ผ่านมา
นอกจากนี้หาก แมนฯ ยูไนเต็ด สามารถเอาชนะ อาร์เซนอล ได้ในเกมนี้ พวกเขาจะสร้างประวัติศาสตร์เป็นสโมสรแรกที่เอาชนะ "ปืนใหญ่" ได้ครบ 100 ครั้งในทุกรายการ
สำหรับ อาร์เซนอล ภายใต้การคุมทีมของ มิเกล อาร์เตต้า พวกเขาจบฤดูกาลด้วยตำแหน่งรองแชมป์มาถึง 3 ปีติดต่อกัน และด้วยการเสริมทัพด้วยเม็ดเงินจำนวนมหาศาลของลิเวอร์พูล, แมนฯ ซิตี้ และเชลซี ทำให้ฤดูกาลนี้คาดว่าจะเป็นการแย่งแชมป์ที่ดุเดือดระหว่าง 4 ทีมอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม อาร์เซนอลเองก็เสริมทัพได้อย่างน่าสนใจด้วยการคว้าตัว วิคตอร์ เยอเคเรส กองหน้าตัวเก่งจากสปอร์ติง ลิสบอน และ มาร์ติน ซูบิเมนดี้ กองกลางเชิงรับจากเรอัล โซเซียดาด ซึ่งทั้งคู่ได้ลงเล่นในเกมอุ่นเครื่องนัดล่าสุดที่ทีมเอาชนะ แอธเลติก บิลเบา ไป 3-0 และทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม
สถิติบ่งชี้ว่า อาร์เซนอลมักจะทำผลงานได้ดีในการเจอกับ แมนฯ ยูไนเต็ด โดยพวกเขายิงประตูในโอลด์ แทรฟฟอร์ดได้ถึง 11 เกมติดต่อกันในพรีเมียร์ลีก โดยครั้งสุดท้ายที่พวกเขาถูกคลีนชีตในบ้านของคู่ปรับคือเมื่อปี 2013
การพบกันของสองทีมที่เสริมทัพมาอย่างแข็งแกร่งและต่างก็ต้องการเริ่มต้นฤดูกาลด้วยชัยชนะ จะทำให้เกมนี้เป็นบททดสอบแรกที่สำคัญสำหรับทั้งสองกุนซือและเป็นเกมที่แฟนบอลไม่ควรพลาดอย่างเด็ดขาด