
ทัพ "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี สร้างผลงานสุดประทับใจ ด้วยการบุกถล่ม ปารีส แซงต์-แชร์กแมง แชมป์ยุโรป ไป 3-0 ในศึกฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก รอบชิงชนะเลิศ ครั้งแรกที่ปรับขยายรูปแบบใหม่ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยมี โคล พาลเมอร์ เป็นดาวเด่นของเกม ซัดไปสองประตูและแอสซิสต์อีกหนึ่งลูก
เชลซีโชว์ฟอร์มเหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัดในช่วงครึ่งแรก โดย โคล พาลเมอร์ วัย 23 ปี ซึ่งย้ายจากแมนเชสเตอร์ ซิตี้ มาร่วมทีมเมื่อสองปีก่อน และยิงไปแล้ว 18 ประตูในฤดูกาลนี้ จัดการซัดประตูแรกในนาทีที่ 22 ด้วยเท้าซ้ายจากบริเวณกรอบเขตโทษ หลังจาก นูโน เมนเดส กองหลังเปแอสเชโหม่งสกัดบอลพลาด ทำให้ เมโล กุสโต ได้ยิงติดบล็อกของ ลูกัส เบรัลโด้ ก่อนบอลจะมาเข้าทางพาลเมอร์ ซัดเข้าไปตุงตาข่าย เป็นการยุติสถิติของเปแอสเชที่ไม่เสียประตูมานานถึง 436 นาที
จากนั้นในนาทีที่ 30 พาลเมอร์ ก็ทำประตูที่สองของตัวเองในลักษณะที่คล้ายคลึงกัน โดยวิ่งเข้าหาบอลยาวที่ ลีวาย โคลวิลล์ เปิดให้ ก่อนจะกระชากเข้าในและซัดประตูอย่างเฉียบขาด
ความร้อนแรงของเชลซียังไม่หยุดเพียงแค่นั้น ในนาทีที่ 43 พาลเมอร์ยังคงเป็นหัวใจสำคัญของเกม เมื่อเขาจ่ายบอลทะลุช่องให้ ชูเอา เปโดร หลุดเดี่ยวไปชิพบอลข้ามตัว จานลุยจิ ดอนนารุมม่า ผู้รักษาประตูเปแอสเช เข้าไปอย่างสวยงาม ทำให้ เปโดร ยิงได้ถึง 3 ประตูจากการลงสนามเป็นตัวจริงเพียงสองนัดให้กับเชลซี
ท้ายเกม เปแอสเชต้องเล่น 10 คน เมื่อ ชูเอา เนเวส โดนใบแดงโดยตรงในนาทีที่ 84 จากจังหวะกระชากผมของ มาร์ก กูกูเรญ่า ซึ่งนำไปสู่ช่วงเวลาท้ายเกมที่เต็มไปด้วยความตึงเครียด มีการแจกใบเหลืองถึง 6 ใบในเกมนี้ และหลังจบการแข่งขัน ทั้งสองทีมยังเกือบมีเรื่องกัน หลังจาก หลุยส์ เอ็นริเก้ กุนซือเปแอสเช และ ดอนนารุมม่า มีจังหวะผลัก ชูเอา เปโดร บริเวณกลางสนาม
เปแอสเช ซึ่งเป็นตัวเต็งอย่างมากก่อนเกม และยิงประตูคู่แข่งไป 16 ลูก เสียแค่ลูกเดียว ก่อนหน้านี้ หวังที่จะคว้า 4 แชมป์ในฤดูกาลนี้ หลังจากคว้าแชมป์ลีกเอิง, เฟรนช์ คัพ และยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกสมัยแรกไปแล้ว แต่ความพ่ายแพ้ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกในรอบเกือบสองปีที่พวกเขาแพ้ด้วยสกอร์ห่างถึง 3 ประตู นับตั้งแต่พ่ายนิวคาสเซิล 4-1 ในแชมเปียนส์ลีกเมื่อเดือนตุลาคม 2023
ในทางกลับกัน เชลซี ซึ่งจบอันดับ 4 ในพรีเมียร์ลีก และคว้าแชมป์ยูฟ่า คอนเฟอเรนซ์ลีก (ถ้วยยุโรปอันดับสาม) มาได้ คว้าแชมป์สโมสรโลกได้เป็นสมัยที่สองของสโมสร (เคยได้ครั้งแรกในปี 2021 ซึ่งเป็นรูปแบบ 7 ทีม) พวกเขารับเงินรางวัลไปประมาณ 128.4-153.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขึ้นอยู่กับค่าธรรมเนียมการเข้าร่วมที่ฟีฟ่ายังไม่ได้เปิดเผย
เกมนี้มีแฟนบอลเข้ามาชมในสนามเม็ตไลฟ์ สเตเดียม สูงสุดเป็นประวัติการณ์ของทัวร์นาเมนต์ถึง 81,188 คน รวมถึงอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ได้รับเสียงโห่เล็กน้อยขณะเดินลงสนามเพื่อมอบรางวัลหลังเกม ก่อนที่จะร่วมถ่ายรูปกับนักเตะเชลซีพร้อมกับ จานนี่ อินฟานติโน ประธานฟีฟ่า ในช่วงมอบถ้วยแชมป์ให้กับ รีซ เจมส์ กัปตันทีมสิงห์บลูส์
"เป็นความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมมาก ดีขึ้นไปอีกเพราะเห็นได้ชัดว่าทุกคนสงสัยในตัวพวกเราก่อนเกม... ผู้จัดการทีมวางแผนการเล่นที่ยอดเยี่ยม และเขาก็รู้ว่าพื้นที่ว่างจะอยู่ตรงไหน" โคล พาลเมอร์ เจ้าของรางวัลนักเตะยอดเยี่ยม กล่าว
"พวกเขามีพลังงานที่สูงมาก... ผมเชื่อว่าพวกเขาเล่นได้ดีกว่าพวกเราจริงๆ" หลุยส์ เอ็นริเก้ กุนซือเปแอสเช กล่าว