
เคร์มัน คาโน่ ใช้เวลาเพียง 3 นาทีในสนามแบงก์ ออฟ อเมริกา สเตเดียม ก็ส่งบอลเข้าตาข่ายด้วยลูกโหม่งจากการเปิดของ จอห์น อารีอาส บอลลอดขา ยานน์ ซอมเมอร์ นายทวารของอินเตอร์ มิลาน ส่งฟลูมิเนนเซ่ขึ้นนำ 1-0 ก่อนที่ทีมแชมป์อเมริกาใต้จะรักษาสกอร์นี้ไว้ได้จนถึงท้ายเกม
ในครึ่งแรก ฟลูมิเนนเซ่มีโอกาสหนีห่าง 2-0 จากจังหวะโหม่งของ อิกนาซิโอ แต่ VAR จับล้ำหน้าทำให้ประตูถูกยกเลิก
แม้อินเตอร์ มิลานจะครองบอลถึง 68% และมีโอกาสยิงมากกว่าถึง 16 ครั้ง แต่ไม่สามารถเปลี่ยนเป็นประตูได้เลย โดยเฉพาะจังหวะสำคัญในครึ่งหลังที่ เลาตาโร่ มาร์ติเนซ ยิงชนเสาแบบไม่น่าเชื่อ
ช่วงท้ายเกมเกิดจังหวะวุ่นวายเมื่อผู้เล่นสำรองของฟลูมิเนนเซ่คว้าบอลที่ออกข้างเพื่อถ่วงเวลา ทำให้นักเตะทั้งสองทีมมีการผลักกันเล็กน้อยก่อนที่ฟลูมิเนนเซ่จะโดนใบเหลืองจากเหตุการณ์ดังกล่าว
หลังจบเกม เลาตาโร่ มาร์ติเนซ ให้สัมภาษณ์แบบไม่ไว้หน้าเพื่อนร่วมทีมว่า
“ใครไม่อยากอยู่ที่นี่ ก็ไปซะเถอะ”
สื่อคาดว่าการให้ความเห็นดังกล่าวน่าจะหมายถึง ฮาคาน ชัลฮาโนกลู ที่บินกลับยุโรปไปแล้วโดยอ้างว่ามีอาการบาดเจ็บ ท่ามกลางข่าวลือว่าเจ้าตัวอยากย้ายออกจากทีมกลับไปค้าแข้งในบ้านเกิดกับ กาลาตาซาราย
ขณะที่ เอร์คิวลีส มายิงประตูปิดกล่องในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ให้ฟลูมิเนนเซ่คว้าชัย 2-0 พร้อมเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศไปพบกับผู้ชนะระหว่าง แมนฯ ซิตี้ กับ อัล ฮิลาล
เรนาโต้ เกาโช่ กุนซือของฟลูมิเนนเซ่ เปิดเผยหลังเกมว่าได้ปรับแท็กติกก่อนลงสนาม โดยเลือกใช้กองหลัง 3 คน เพื่อรับมืออินเตอร์ มิลานโดยเฉพาะ
“ผมคิดเยอะมากเรื่องแท็กติก ก่อนจะตัดสินใจใช้หลังสามเพื่อสะท้อนระบบของอินเตอร์ พวกเขาทำตามทุกอย่างที่ผมบอก ผมบอกกับลูกทีมว่า ‘ฉันเชื่อพวกนาย’ และพวกเขาก็แสดงให้เห็นในสนามจริง ๆ”
ชัยชนะของฟลูมิเนนเซ่ในเกมนี้ ทำให้พวกเขาเป็นสโมสรบราซิลทีมที่ 2 ต่อจากพัลไมรัส ที่ผ่านเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศในฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ 2025
ทั้งนี้ แม้การแข่งขันจะจัดในสนามจุผู้ชมได้ถึง 74,867 คน แต่มีผู้เข้าชมจริงเพียง 20,030 คน ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเชิญผู้ชมจากชั้นบนลงมานั่งในชั้นล่าง เพื่อให้บรรยากาศไม่เงียบเหงาจนเกินไป