
การแข่งขันฟุตบอล ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ 2025 เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ 19 ถึงเช้าวันศุกร์ที่ 20 มิถุนายนที่ผ่านมา มีการแข่งขันครบทั้ง 4 คู่ โดยเกมที่ถูกจับตามากที่สุดคือการพบกันระหว่าง ปารีส แซงต์-แชร์กแมง แชมป์ยุโรป กับ โบตาโฟโก แชมป์อเมริกาใต้ ที่สนามโรสโบวล์, แคลิฟอร์เนีย
โบตาโฟโกสร้างหนึ่งในชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสร ด้วยการเฉือนเอาชนะ เปแอสเช ไปแบบสุดเซอร์ไพรส์ 1-0 จากประตูชัยของ อิกอร์ เฆซุส ในนาทีที่ 36 ซึ่งเป็นการจบสกอร์สุดสวยจากจังหวะควบคุมบอลผ่านสองแนวรับ แล้วยิงผ่าน จานลุยจิ ดอนนารุมม่า ไปอย่างเหนือชั้น
แม้เปแอสเชจะครองบอลและมีโอกาสยิงถึง 16 ครั้ง แต่กลับตรงกรอบเพียง 2 ครั้ง ขณะที่โบตาโฟโกยิง 4 ครั้ง และเข้ากรอบทั้งหมด นี่คือความพ่ายแพ้เกมแรกของเปแอสเชในรอบกว่า 6 สัปดาห์ และเป็นประตูแรกที่เสียตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคม
เปแอสเชยังมีโอกาสเข้ารอบ แต่จะต้องเอาชนะซีแอตเทิลให้ได้ในนัดสุดท้าย ขณะที่โบตาโฟโกนำจ่าฝูงกลุ่ม B ชนะ 2 นัดรวด
ลิโอเนล เมสซี ยิงฟรีคิกสุดสวยในนาทีที่ 54 พาอินเตอร์ ไมอามี เฉือนเอาชนะ เอฟซี ปอร์โต้ 2-1 ในเกมกลุ่ม A โดยก่อนหน้านั้น เทลาสโก เซโกเวีย ยิงตีเสมอให้ทีม MLS นาที 47 หลังโดนนำไปก่อนจากลูกโหม่งของ ฟาบิโอ วิเอร่า
แม้ปอร์โต้จะครองเกมได้บางช่วง แต่เสียงเชียร์ “Messi! Messi!” ที่ดังลั่นทั่วสนามเมอร์เซเดส-เบนซ์ สเตเดียม ทำให้บรรยากาศกลายเป็นเหมือนเกมเหย้าของไมอามี
“เราคุมบอลดีมาก และทุกคนพยายามเต็มที่เพื่อชัยชนะนี้” เมสซีให้สัมภาษณ์หลังเกม
ปาโบล บาร์ริออส ยิงคนเดียว 2 ประตู พาแอตเลติโก มาดริด คว้าชัยชนะ 3-1 เหนือ ซีแอตเทิล ที่สนามลูเมน ฟิลด์ โดยอีกประตูมาจาก อักเซล วิตเซล ขณะที่เจ้าถิ่นได้ประตูปลอบใจจาก อัลเบิร์ต รุสนัค
เกมนี้ “ตราหมี” เริ่มต้นได้อย่างเฉียบคม และเกือบได้จุดโทษในครึ่งแรก แต่ VAR เปลี่ยนเป็นฟรีคิกนอกเขต อย่างไรก็ตาม ทีมของ ดิเอโก้ ซิเมโอเน่ โชว์ความเด็ดขาดในจังหวะสวนกลับ และยังมีลุ้นเข้ารอบเต็มตัวหากเอาชนะโบตาโฟโกในนัดสุดท้ายได้
พัลไมรัสเอาชนะอัล อาห์ลีไปได้ 2-0 จากลูกโหม่งทำเข้าประตูตัวเองของ เวสซาม อาบู อาลี และประตูของ โฮเซ่ โลเปซ ในนาทีที่ 59 ก่อนที่เกมจะต้องหยุดพักกว่า 50 นาทีจากพายุฝนฟ้าคะนอง
เกมนี้มีใบเหลืองถึง 4 ใบ และใบแดงที่ถูกยกเลิกเหลือแค่เหลืองจาก VAR ในครึ่งแรก แม้อัล อาห์ลีจะพยายามฮึดในช่วงท้าย แต่แนวรับยังมีข้อผิดพลาด ขณะที่พัลไมรัสขึ้นนำกลุ่ม A มี 4 แต้มจาก 2 นัด เหนือไมอามีด้วยผลต่างประตูได้-เสีย ขณะที่ทีมยักษ์อียิปต์ต้องชนะปอร์โต้ในเกมหน้าและลุ้นผลอีกคู่เพื่อเข้ารอบ