svasdssvasds
เนชั่นทีวี

กีฬา

4 เหตุผล "เรอัล มาดริด" ซิวแชมป์ลาลีกาสมัยที่ 36

05 พฤษภาคม 2567
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

จากการชวดแชมป์เมื่อปีก่อน สู่การคว้าแชมป์ ลา ลีกา เป็นสมัยที่ 36 เมื่อคืนที่ผ่านมา "เรอัล มาดริด" ทำอย่างไรถึงยกระดับทีมขึ้นไปได้ขนาดนี้

ฤดูกาล 2023/24 เป็นซีซั่นที่ เรอัล มาดริด ใกล้เคียงกับคำว่า "สมบูร์แบบ" มากที่สุดในรอบหลายปี ด้วยการคว้าแชมป์ ลา ลีกา ได้เป็นสมัยที่ 36 จากชัยชนะเหนือ กาดิซ 3-0 และ จีโรน่า เอาชนะ บาร์เซโลน่า 4-2 ทำให้ ทีมของ คาร์โล อันเชล็อตติ มี 87 แต้ม ทิ้งอันดับสองอย่าง จิโรน่า ถึง 13 แต้ม และ บาร์เซโลน่า 14 แต้ม ขณะที่เหลือการแข่งขันอีก 4 เกม 

ยิ่งไปกว่านั้น "ราชันชุดขาว" ยังมีโอกาสที่จะลุ้นแชมป์อีกรายการ ในถ้วยใหญ่สุดของยุโรปอย่าง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่กำลังรอดวลกับ บาเยิร์น มิวนิค ในเลกที่ 2 ของรอบตัดเชือก

เทียบกับเมื่อ 12 เดือนก่อนที่พวกเขาต้องพบกับความผิดหวัง ต้องทนเห็นคู่แข่งอย่าง บาร์เซโลน่า คว้าแชมป์ลีก ส่วนถ้วยยูซีแอลก็ไปพ่าย แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในนัดชิง

ระยะเวลาแค่ปีเดียว เรอัล มาดริด เปลี่ยนแปลงทีมชุดนี้ไปอย่างไร? ผู้เชี่ยวชาญจาก The Athletic วิเคราะห์ไว้ 4 ประเด็นดังนี้

4 เหตุผล \"เรอัล มาดริด\" ซิวแชมป์ลาลีกาสมัยที่ 36

  • 1. เปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาส

ฤดูกาล 2023/24 ของ เรอัล มาดริด เริ่มต้นด้วยการเผชิญสถานการณ์วิกฤตการบาดเจ็บของนักเตะตัวหลักหลายต่อหลายคน สองวันก่อนนัดเปิดซีซั่นที่จะพบกับ แอธเลติก บิลเบา นายทวารมือ 1 อย่าง ติโบต์ กูร์กตัวส์ บาดเจ็บเอ็นไขว้หน้า (ACL) ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดและพักยาว จากนั้น เอแดร์ มิลิเตา กองหลังที่ดีที่สุดของมาดริด ก็ต้องเจอกับอาการบาดเจ็บ ACL พักยาวไปอีกราย

มาดริด แก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการยืมตัว เกปา อาร์ริซาบาลาก้า มาจากเชลซี แต่เจ้าตัวกลับทำผลงานได้อย่างน่าผิดหวังหลายต่อหลายเกม ในที่สุด อันเดร ลูนิน นายทวารวัย 25 ปีที่อยู่กับทีมมานาน ก็ได้รับโอกาส และคว้ามันไว้ได้สำเร็จ

ลูนิน ไม่ใช่คนเดียวที่คว้าโอกาสสำคัญไว้ได้ อาการบาดเจ็บของ เอแดร์ มิลิเตา ในช่วงต้นซีซั่น รวมถึง ดาบิด อลาบา ที่เจ็บยาวไปอีกรายในเดือน ธ.ค. ส่งผลให้ อันโตนิโอ รือดิเกอร์ ก้าวขึ้นมาเป็นนายใหญ่ในแนวรับคนใหม่ 

วิกฤตอาการบาดเจ็บ ทำให้นักเตะคนอื่นๆต้องปรับตำแหน่งเป็นว่าเล่น ยกตัวอย่างเช่นเกมที่เจอ จิโรน่า "ราชันชุดขาว" ต้องจัดแนวรับด้วยการให้กองกลางอย่าง ลูคัส วาซเกซ ยืนแบ็กขวา, จับฟูลแบ็กอย่าง ดานี่ การ์บาฆาล  และกองกลางอย่าง ออเรเลียง ชูอาเมนี่ มาเป็นเซ็นเตอร์แบ็ก และมีเพียง แฟร์กล็องด์ เมนดี้ ในแบ็คซ้ายแค่รายเดียวที่ได้เล่นในตำแหน่งธรรมชาติของตัวเอง ผลลัพธ์คือ เรอัล มาดริด ชนะ 4-0

4 เหตุผล \"เรอัล มาดริด\" ซิวแชมป์ลาลีกาสมัยที่ 36

  • 2. "อันเช่" และทีมงาน

ความเก่งกาจของทีม ความแข็งแกร่งในเชิงลึก และความมุ่งมั่น มีส่วนอย่างมากในการคว้าแชมป์ลาลีกาครั้งนี้ รวมถึงความคิดสร้างสรรค์และความสามารถในการปรับหมากของกุนซืออย่าง คาร์โล อันเชล็อตติ ก็เช่นกัน

ย้อนกลับไปในซีซั่นก่อน ที่มาดริดพ่ายแพ้ต่อแมนฯซิตี้ของเป๊ป กวาร์ดิโอล่า 4-0 ในรอบรองชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ลีก และบาร์เซโลน่าของชาบีก็คว้าแชมป์ลาลีกาได้อย่างง่ายดาย สถานการณ์แบบนี้ทำให้โค้ชมาดริดหลายคนถูกไล่ออกมานักต่อนัก

คาร์โล อันเชล็อตติ จะอำลาเก้าอี้แล้วโยกไปคุมทีมชาติบราซิลก็ได้ แต่เขายังมั่นใจในฝีมือของตัวเองว่าจะพลิกฟื้นทีมนี้กลับสู่การคว้าแชมป์ได้สำเร็จ เช่นเดียวกับบอร์ดบริหารที่มองว่า "อันเช่" คือตัวเลือกที่ดีที่สุด และสุดท้ายทั้งสองฝ่ายก็จัดการต่อสัญญากันถึงกลางปี 2026 

ต่อมา หลังพ่ายแพ้ต่อ แอตเลติโก้ มาดริด 3-1 ในเดือนกันยายน อันเชล็อตติ จัดการปรับแท็กติกใหม่ของเขาทันที ด้วยการใช้ระบบ 4-2-2-2 สลับกับ 4-3-1-2 มี เฟเดริโก้ บัลเบร์เด้ และ จู๊ด เบลลิงแฮม เป็นคีย์แมนในแดนกลาง ใช้ฟูลแบ็กขยับขึ้นไปเล่นเกมบุกมากกว่าเดิม

ระบบดังกล่าวได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพสูง ราชันชุดขาวไม่แพ้ใครอีกเลยนับตั้งแต่พ่าย แอตเลติโก้ มาดริด เมื่อเดือน ก.ย. และจนถึงตอนนี้ มาดริดเสียไปเพียง 22 ประตูจาก 34 เกม (เฉลี่ย 0.65 ประตูต่อเกม) มีลุ้นทำสถิติเสียประตูน้อยสุดในรอบ 4 ปี นับตั้งแต่ฤดูกาล 2019-20 ที่พวกเขาเป็นแชมป์ (เสีย 25 ประตู) 

ไม่เลวเลยสำหรับกุนซือที่เคยถูกหลายๆ คนปรามาสว่าผ่านพ้นช่วงที่ดีที่สุดของตัวเองไปแล้ว

ทีมงานของเขาก็มีบทบาทสำคัญในการคว้าแชมป์ครั้งนี้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นลูกชายและผู้ช่วยโค้ชของเขาอย่าง ดาวิเด อันเชล็อตติ, นักวิเคราะห์ทางเทคนิค ฟรานเชสโก้ เมารี, อันโตนิโอ ปินตุส เทรนเนอร์ด้านฟิตเนส และโค้ชผู้รักษาประตู หลุยส์ ยอปิส ทั้งหมดช่วยกันทำงานอย่างหนัก เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการวิเคราะห์และพยายามพัฒนาทีม

เรอัล มาดริด มีสถิติการป้องกันลูกตั้งเตะที่ดีที่สุดใน 5 ลีกใหญ่ของยุโรป ขณะเดียวกันก็ทำประตูจากลูกโหม่งสำคัญได้ตลอดทั้งฤดูกาล บทบาทของ เมารี มีส่วนสำคัญในการวางแผนประจำวันและฝึกฝนพวกเขาในการฝึกซ้อม

4 เหตุผล \"เรอัล มาดริด\" ซิวแชมป์ลาลีกาสมัยที่ 36

  • 3. บรรยากาศในทีมที่กลมเกลียว

ห้องแต่งตัวของ เรอัล มาดริด ได้รับการยืนยันจากแหล่งข่าวหลายแห่งที่ต่างบอกเหมือนกันหมดว่ายอดเยี่ยมมาก  บางคนถึงกับบอกว่าเป็นบรรยากาศที่ดีที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยเห็นมา

แน่นอนว่า การที่มีแต่ซูเปอร์สตาร์ล้นทีม การบริหารจัดการคนเป็นเรื่องยากอย่างยิ่ง จนส่งผลให้เกิดความตึงเครียดในห้องแต่งตัวจากการที่สตาร์ดังไม่พอใจเวลาไม่ได้ลงสนาม เป็นต้น

แต่ คาร์โล อันเชล็อตติ จัดการลูกทีมได้อยู่หมัด ผ่านทางผู้ช่วยอย่าง ดาวิเด้ ที่อาศัยช่วงอายุที่ไล่เลี่ยกับนักเตะ (34 ปี) และทักษะด้านภาษาที่หลากหลาย ช่วยให้เขาเชื่อมโยงกับตัวนักเตะได้ โดยมี คาร์โล อยู่เบื้องหลังและเข้ามาแทรกแซงเป็นครั้งคราวเท่านั้น

คาร์โล อันเชล็อตติและทีมงาน ยังพยายามสร้างความสามัคคีมากขึ้น เปิดโอกาสผู้เล่นผลัดกันพูดกับทีมในห้องแต่งตัวระหว่างการเตรียมการก่อนการแข่งขันด้วย เหล่าตัวเก๋าก็ยังได้เป็นคนสำคัญ นักเตะดาวรุ่งต่างก็ตั้งใจฟังและเรียนรู้

และด้วยความที่ทีมชุดนี้ส่วนหนึ่งเป็นซูเปอร์สตาร์ที่อยู่ในวัยไล่เลี่ยกัน ทำให้ยิ่งสนิทสนมกันง่ายขึ้นไปอีก กลุ่มนักเตะอย่าง วินิซิอุส จูเนียร์, จู๊ด เบลลิงแฮม, โรดรีโก้, เอแดร์ มิลิเตา, บราฮิม ดิอาซ, เอดูอาร์โด คามาวินก้า หรือ ออเรเลียง ชูอาเมนี่ มักจะไปเที่ยวด้วยกัน และแซวกันในโลกโซเชียลอยู่เสมอ

กลุ่มนักเตะที่ไม่ค่อยได้รับโอกาสก็ไม่ได้สร้างปัญหา แถมยังคอยช่วยทีมด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะเป็น ลูก้า โมดริช และ นาโช่ มอนเรอัล ที่คอยช่วยให้คำแนะนำน้องๆอยู่เสมอ เช่นเดียวกับ เกปา อาร์ริซาบาลาก้า ซึ่งย้ายเข้ามาเพื่อเป็นตัวจริง แต่ตอนนี้ร่วงไปเป็นมือ 3 แล้ว ก็ได้รับคำชื่นชมอย่างมากจากเรื่องมีส่วนร่วมของเขาจากข้างสนาม เช่่นการแนะนำให้ อังเดร ลูนิน อยู่ตรงกลางประตูเพื่อเซฟจุดโทษของ แบร์นาร์โด ซิลวา เป็นต้น 

4 เหตุผล \"เรอัล มาดริด\" ซิวแชมป์ลาลีกาสมัยที่ 36

  • 4. การระเบิดฟอรมของ จู๊ด เบลลิงแฮม

กระแสฮือฮาเริ่มต้นตั้งแต่การทัวร์พรีซีซั่นของมาดริดที่สหรัฐอเมริกา เมื่อเบลลิงแฮมสร้างความประทับใจให้กับเพื่อนร่วมทีมและกองเชียร์ด้วยฟอร์มการเล่นและบุคลิกที่โดดเด่นของเขา และเจ้าตัวยังออกสตาร์ทให้ต้นสังกัดใหม่ได้อย่างร้อนแรง เขาทำประตูได้ตั้งแต่ในนัดประเดิมสนาม ยิงได้อีก 16 ประตู (นับรวมทุกรายการ) ตั้งแต่ก่อนวันคริสต์มาส 

และต้องไม่ลืมว่า จู๊ด เบลลิงแฮม คือกองกลาง ไม่ใช่กองหน้า

หลังการย้ายออกไปของตำนานอย่าง คาริม เบนเซม่า "อันเช่" ต้องการได้ตัว แฮร์รี่ เคน มาแทนที่ แต่กัปตันทีมชาติอังกฤษก็ลงเอยด้วยการย้ายไปบาเยิร์น มิวนิค อันเชล็อตติดึงตัว โฆเซลู กองหน้าวัย 33 ปี เข้ามาแทนเพื่อเป็นอะไหล่สำรอง แล้วปรับแท็กติกให้กองกลางตัวรุกกับนักเตะริมเส้นขยับขึ้นไปมีบทบาทในการทำประตูแทน

ใครจะเชื่อว่านักเตะวัยแค่ 20 ปี เพิ่งย้ายมาเล่นในสเปนครั้งแรก แถมยังต้องเล่นให้ทีมที่มีแต่ความกดดันมหาศาลอย่าง เรอัล มาดริด จะโชว์ฟอร์มได้ขนาดนี้

จนตอนนี้ จู๊ด เบลลิงแฮม ถูกนำไปเปรียบเทียบกับตำนานสโมสรอย่าง อัลเฟรโด้ ดิ สเตฟาโน่ ไปแล้ว
......
ภารกิจของ เรอัล มาดริด ยังไม่จบ เพราะพวกเขายังมีการแข่งขันในถ้วย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของพวกเขาในฤดูกาลนี้อยู่ 

และไม่ว่าพวกเขาจะคว้าแชมป์ยูซีแอลได้หรือไม่ ก็น่าจะมั่นใจได้ว่า ความสำเร็จของพวกเขาในอนาคตน่าจะหลั่งไหลเข้ามาอีกมาก เพราะพวกเขากำลังเตรียมได้ตัว คีลิยัน เอ็มบัปเป้ มาร่วมทัพอีกราย รวมถึง เอ็นดริก ดาวรุ่งพุ่งแรงจากบราซิลด้วย

ซึ่งหากเป็นจริง ก็มีโอกาสสูงที่ในช่วงทศวรรษนี้ จะยังเป็น "ราชันชุดขาว" ที่ครองความยิ่งใหญ่ต่อไป

4 เหตุผล \"เรอัล มาดริด\" ซิวแชมป์ลาลีกาสมัยที่ 36

logoline